2552/01/08

ร้านอาหาร นามู อาหารเกาหลี

ร้านอาหารเกาหลีเกิดใหม่ก็พากันเปิดให้บริการตามกระแสเช่นกัน อย่างร้าน”นามู” ร้าน นี้ก็เป็นอีกหนึ่งในร้านอาหารเกาหลีน้องใหม่ที่เพิ่งเปิดตัวมาได้ไม่นาน โดยตั้งอยู่บนถนนพระอาทิตย์ ซึ่งถือว่าเป็นร้านอาหารเกาหลีที่มีความน่าสนใจ ตรงที่ ที่ร้านนี้บริการอาหารเกาหลีแบบหลากหลาย และมีรสชาติแบบต้นตำรับเกาหลีแท้ๆ

เพราะด้วยความที่เจ้าของร้านคือคุณ อลิส ลี นั้นเธอมีสามีเป็นชาวเกาหลี และทั้งคู่ก็รักในการทำอาหาร จึงได้ร่วมใจกันเปิดเป็นร้านอาหารเกาหลีนามูแห่งนี้ขึ้นมา และก็ยังมีเชฟเกาหลีมาปรุงอาหารเกาหลีขนานแท้ให้ได้เลือกชิมกัน อีกทั้งที่นี่ยังถือว่าเป็นอาหารเกาหลีเพื่อสุขภาพก็ว่าได้ เพราะว่าทางร้านคัดเลือกแต่วัตถุดิบที่ดี มีคุณภาพ และที่สำคัญไม่ใส่สารกันบูด และผงชูรสด้วยในการปรุงอาหาร
สำหรับเมนูอาหารเกาหลีจานเด่นของร้านนามูที่ชวนลิ้มรสนั้นมีมากมาย อย่างเมนูแรกขอแนะนำ เฮมุลพาจอน (199 บาท) ก็คือพิซซ่าทะเลแบบเกาหลี เป็นแป้งที่ทางร้านผสมปรุงรสชาติ และใส่ซอสเกาหลีมาแล้ว พร้อมกับใส่ไข่ไก่ และต้นหอมด้วย และก็มีอาหารทะเลทั้ง กุ้ง ปลาหมึก หอยแมลงภู่ ใส่ลงไป ก่อนจะนำไปทอดบนกระทะจนแป้งสุก แล้วจึงโรยหน้าด้วยงาขาวกับงาดำ เสิร์ฟมาร้อนๆ ลิ้มรสพิซซ่าแป้งบางเนื้อในนุ่ม สัมผัสได้ถึงรสชาติที่เข้ากันของเครื่องทะเล และแป้งนุ่มๆ ที่มีต้นหอมด้วย กินคู่กับน้ำจิ้มที่ทางร้านทำเองมีส่วนผสมของน้ำมันงา งาดำและงาขาว ช่วยเพิ่มรสชาติที่กลมกล่อมลงตัว แถมหอมกลิ่นน้ำมันงาอ่อนๆ
ต่อมาเป็นอาหารจานเส้น ชื่อว่า จาจังเมียน (129 บาท) หรือบะหมี่ซอสดำยอดนิยม ที่ถ้าใครได้ดูซีรีย์เรื่องคอฟฟี่ปริ๊นซ์ เป็นต้องรู้จักกับเมนูจาจังเมียงนี้ จาจังเมียนของที่นี่เป็นเส้นบะหมี่อูด้งที่ทางร้านทำเองแบบวันต่อวัน แล้วนำเส้นมาต้มจนสุก แล้วราดด้วยซอสดำที่นำเข้ามาจากเกาหลี นำมาผัดรวมกับมันฝรั่ง กะหล่ำปลี หอมหัวใหญ่ เสร็จแล้วนำมาราดบนเส้นอูด้ง ตกแต่งด้วยแตงกวาญี่ปุ่น โรยด้วยงาดำกับงาขาว เวลากินจาจังเมียนต้องคลุกให้เส้นเข้ากับซอสดำน้ำขลุกขลิก กินเส้นอูด้งเหนียวนุ่มชุ่มซอสดำออกรสหวานนำ
จากเมนูเส้นมากินเมนูข้าวกันบ้าง อย่าง บลูโกกิท็อปปั๊บ (169 บาท) เป็นเนื้อหมักซอสเกาหลีราดข้าว ทางร้านเลือกเนื้อวัวส่วนสะโพกไม่ติดมัน นำมาผัดกับซอสเกาหลี ใส่กะหล่ำปลี หอมหัวใหญ่ พริกหยวก และกระเทียม ผัดแบบมีน้ำขลุกขลิก มาพร้อมข้าวสวยร้อนๆ ชิมรสชาติเนื้อเคี้ยวนุ่มหนึบซึมรสชาติซอสที่กลมกล่อมปาก
เมนูถัดมาคือ เจยุกท็อปปั๊บ (169 บาท) หมูผัดซอสพริกเกาหลีราดข้าว เป็นเนื้อหมูส่วนสะโพกไม่ติดมัน นำมา ผัดกับกะหล่ำปลี หอมใหญ่ พริกหยวก และซอสพริกเกาหลี แล้วก็โรยหน้าด้วยงาดำกับงาขาว กินกับข้าวสวยร้อนๆ เนื้อหมูนุ่มได้รสชาติซอสพริกออกเค็มๆ หวานๆ
โทลโซบีบิมปั๊บ (169 บาท) หรือข้าวยำเกาหลีหมูกระทะร้อน เป็นอีกหนึ่งเมนูข้าวที่ขายดีของทางร้าน เป็นข้าวเกาหลีที่มาพร้อมกับผักหลายอย่าง มีแครรอท ซูกินี่ มะเขือม่วง ถั่วงอก ผักกาดหอม มีหมูสับใส่มาด้วย และราดด้วยน้ำมันงา แถมมีไข่ดาวโป๊ะหน้ามาด้วย และมีซอสเกาหลีที่ปรุงรสชาติมาแล้วใส่มาอีกด้วย เสิร์ฟมาในกระทะร้อนๆ เวลากินก็ต้องคลุกเครื่องทั้งหมดที่ใส่มาให้เข้ากัน ลิ้มรสชาติแล้วต้องบอกว่าเครื่องทุกอย่างเข้ากันกับข้าวเป็นรสชาติที่ลงตัว กลมกล่อม
ส่งท้ายมื้อด้วยเมนูซดน้ำซุปร้อนๆ อย่าง ซุนทูบูจิเกะ (159 บาท) เป็นซุปกิมจิทะเล ที่ทางร้านทำกิมจิผักกาดขาวเอง แล้วนำมาต้มกับน้ำซุปปลาแห้ง และปรุงรสชาติ พร้อมกับใส่กุ้ง ปลาหมึก หอยลาย เห็ดหูหนูดำ เต้าหู้ ชิมรสชาติซุปกิมจิออกเผ็ดลิ้นนิดๆ

ร้าน “นามู” (Namoo) ตั้งอยู่ที่ 62 ถ.พระอาทิตย์ ชนะสงคราม พระนคร กทม. การเดินทางจากแยกบางลำพู ตรงมาที่ถ.พระอาทิตย์ เลยบ้านพระอาทิตย์มาสักหน่อย จะเห็นเซเว่นอีเลฟเว่นตรงปากซอยรามบุตรี ตรงมาอีกประมาณ 50 ม. จะเห็นร้านนามูตั้งอยู่ริมถนนทางซ้ายมือ มีป้ายร้านให้เห็นชัดเจน จุดสังเกตเป็นตึกที่ทาสีม่วงและอยู่ตรงข้ามกับประตูทางเข้าFAO เปิดทุกวัน เวลา 11.00-22.00 น. ทางร้านรับจัดงานเลี้ยงด้วย โทร. 08-7345-0018

credit by http://www.manager.co.th/Travel/ViewNews.aspx?NewsID=9520000000839

ยำปลาทู


ปลาทู เป็นอาหารคู่คนไทยมาแต่ช้านาน ซึ่งปลาทูที่ขึ้นชื่อลือชาก็เห็นจะหนีไม่พ้น ปลาทูแม่กลองที่มีลักษณะเด่นคือหน้างอคอหักแต่รสชาติยอดเยี่ยมอย่าบอกใคร

เมนู “ยำปลาทู” ที่ทำง่ายแต่มากคุณประโยชน์จากโอเมก้า 3 ว่าแล้วอย่ามัวเสียเวลาอยู่เลย ลงมือตระเตรียมส่วนผสมกันเลย

ส่วนผสม
ปลาทูนึ่ง 1 เข่ง
ตะไคร้ซอย 4-5 ต้น
หอมแดงซอย 5-6 หัว
พริกขี้หนูสดซอย 4-6 เม็ด
พริกแห้ง 4-6 เม็ด
น้ำมะนาว 3 ช้อนโต๊ะ
น้ำปลา 3 ช้อนโต๊ะ
น้ำตาล ½ ช้อนชา
มะม่วงเปรี้ยวดิบ ใบสะระแหน่ ถั่วลิสงคั่วหรือเม็ดมะม่วงหิมพานต์

วิธีทำก็ไม่ยากเลย เพียงนำปลาทูนึ่งมาแกะก้างออก บิปลาทูเป็นชิ้นๆเอาเนื้อมายีๆให้เนื้อปลาทูแตกฟู เสร็จแล้วพักไว้

หันมาทำน้ำยำกันบ้าง โดยผสมน้ำมะนาว น้ำปลา และน้ำตาล ให้เข้ากันแล้วชิมรสชาติตามความพอใจ

จากนั้นนำตะไคร้ซอย หอมแดงซอย พริกขี้หนูสดซอย ใส่ลงไปในน้ำยำ แล้วนำน้ำยำ มะม่วงเปรี้ยวดิบสับ มาคลุกเคล้ากับเนื้อปลาทูที่ยีไว้แล้วให้เข้ากัน ใส่พริกแห้ง ถั่วลิสงคั่ว ใบสะระแหน่ พอสวยงามเป็นอันเสร็จสิ้นขั้นตอน เสิร์ฟพร้อมข้าวร้อนๆ แซ่บนักแล


credit by http://www.manager.co.th/Travel/ViewNews.aspx?NewsID=9510000151683

เซี่ยงไฮ้ผัดขี้เมากุ้ง


เมนู "เซี่ยงไฮ้ผัดขี้เมากุ้ง" ที่ได้รสชาติความเผ็ดร้อนของพริก ความหอมจากใบกะเพรา แถมยังเคี้ยวหนึบเด้งดึ๋งไปกับเส้นเซี่ยงไฮ้ น่าจะเป็นเมนูอร่อยถูกใจใครหลายๆคนที่ได้ลองกิน

ส่วนผสม

เส้นเซี่ยงไฮ้ 2 ขีด
กุ้งสด 3-5 ตัว
พริกขี้หนู 5-10 เม็ด เผ็ดตามชอบ
พริกชี้ฟ้าเขียวแดงหั่นเฉียง 2 เม็ด
ใบกะเพรา 20 ใบ
กระเทียม 5-6 กลีบ
น้ำมันหอย 1 ช้อนโต๊ะ
น้ำปลา 1/2 ช้อนโต๊ะ
น้ำตาล 1/2 ช้อนชา

วิธีทำ เริ่มจากนำเส้นเซี่ยงไฮ้ไปแช่น้ำให้นิ่มประมาณ 5 นาที แล้วหันไปต้มน้ำจนเดือด นำเส้นเซี่ยงไฮ้ที่แช่น้ำจนนิ่มแล้วไปลวกพอสุก เพื่อที่ว่าจะได้ไม่เสียเวลารอให้เส้นสุกในตอนผัด เสร็จเรียบร้อยนำเส้นเซี่ยงไฮ้แช่น้ำเย็นพักไว้ก่อน คราวนี้มาจัดการเทน้ำมันลงกระทะ จนน้ำมันร้อนแล้วนำกระเทียมสับลงไปเจียวให้หอม ตามด้วยพริกขี้หนูสับลงไป

ทีนี้ก็ต่อด้วยการนำกุ้งลงไปผัดจนสุก ตามด้วยพริกชี้ฟ้าหั่น เติมน้ำเปล่าหรือน้ำซุปลงไปนิดหน่อยให้พอมีน้ำขลุกขลิก แล้วปรุงรสด้วยน้ำปลา น้ำมันหอย น้ำตาล ลงไป ชิมให้ได้รสชาติถูกใจแล้วจึงนำเส้นเซี่ยงไฮ้ลงไปผัดตาม คลุกเคล้าให้เข้ากัน โรยใบกะเพราะลงไปแล้วผัดให้เข้ากันอีกครั้งหนึ่ง จากนั้นก็ตักใส่จานพร้อมกินได้ทันที

credit by http://www.manager.co.th/Travel/ViewNews.aspx?NewsID=9510000143510

ส้มตำข้าวโพด


"ส้มตำข้าวโพด" ที่นำมาเสนอให้ลองทำกันในวันนี้ ก็เป็นการนำข้าวโพดมาแทนมะละกอ "ส้มตำข้าวโพด" จานนี้จึงได้รสหวานๆจากเมล็ดข้าวโพด แต่รสชาติของน้ำปรุงก็ยังเข้มข้นคงรสจัดจ้านตามแบบส้มตำเช่นเดิม

ส่วนผสม

ข้าวโพดต้มฝักขนาดปานกลาง 1 ฝัก
พริกขี้หนูเม็ดใหญ่ 4-5 เม็ด
แครอทขูดฝอย 1 ช้อนโต๊ะ
มะเขือเทศ 1 ผล
กระเทียม 4-5 กลีบ
น้ำตาลปีบ 1/2 ช้อนโต๊ะ
น้ำปลา 1 ช้อนโต๊ะ
มะนาว 1 ช้อนโต๊ะ
ถั่วฝักยาว 2-3 ฝัก

วิธีทำ เริ่มจากนำข้าวโพดต้มมาเตรียมไว้ แต่อย่าเพิ่งแทะกินเสียก่อนล่ะ เพราะจะต้องแกะหรือฝานเอาเมล็ดข้าวโพดออกมาเพื่อเตรียมทำเป็นส้มตำ เมื่อเอาเมล็ดข้าวโพดออกมาแล้วให้นำไปพักไว้ก่อน แล้วหันมาตำพริก กระเทียม และถั่วฝักยาวแค่พอแตกไม่ต้องให้แหลกมากนัก

จากนั้นปรุงรสด้วยน้ำตาลปีบ น้ำปลา และน้ำมะนาว(หรือน้ำมะขามเปียก) ชิมรสให้ได้เปรี้ยวหวานถูกปาก เรียบร้อยแล้วนำเมล็ดข้าวโพด มะเขือเทศหั่นซีก ตามด้วยแครอทขูดฝอยลงไปคลุกเคล้าให้เข้ากัน แล้วตักจากครกใส่จาน เตรียมพร้อมเสิร์ฟขึ้นโต๊ะอาหารได้ทันที

credit by manager.co.th/Travel/