2552/04/28

ร้านเบเกอรี่ ละเลียด Laliette



วิภาพร เหล่าตระกูล หรือนก ผู้เป็นพี่สาวดูแลด้านงานบริการลูกค้า ในขณะที่น้องสาว ศิริพร หรือเจี๊ยบ ที่รักในการทำเบเกอรี่ โดยเฉพาะขนมเค้กที่มีความเชี่ยวชาญเป็นพิเศษ เล่าว่า น้องสาวชอบเข้าครัวทำเบเกอรี่มาตั้งแต่เด็ก อาศัยการศึกษาด้วยตัวเองจากตำรา และศึกษาเพิ่มเติมจากสถาบันที่สอนการทำเบเกอรี่ในเมืองไทย และก็เป็นธรรมดาของคนที่ทำเบเกอรี่เกือบทุกคนที่ความฝันอันสูงสุดคือการได้ มีร้านเป็นของตัวเอง ซึ่งทางบ้านเห็นว่าถ้าคิดที่จะมุ่งในธุรกิจร้านขายขนมเค้กอย่างจริงจัง ก็ควรออกไปหาความรู้เพิ่มเติมในต่างประเทศ จากผู้เชี่ยวชาญเฉพาะด้านโดยเฉพาะ สุดท้ายจึงมาลงตัวที่ กอดองเบลอ สถาบันที่ทั่วโลกยอมรับ เพราะไม่เพียงแต่จะสอนการทำเบเกอรี่ แล้วครอบคลุมในเรื่องการบริหารจัดการด้วย

ส่วนจุดเด่นของทางร้าน จะเน้นในเรื่องวัตถุดิบที่สดใหม่ พยายามหลีกเลี่ยงวัตถุดิบที่สำเร็จรูปให้น้อยที่สุด เพื่อสร้างความแตกต่าง อย่าง วิปครีม ช็อคโกแลต ครีมสด ซึ่งจะตีเองทั้งหมด ทำให้ปัจจุบันเค้กของร้านละเลียดมีกว่า 30 รายการ ในราคา 750 บาท/2 ปอนด์ ซึ่งเค้กที่ขายดี คือ ร็อกกี้ โรด และพุดดิ้งนมสด ในขณะที่เครื่องดื่มก็ขึ้นชื่อ โดยทางร้านจะเน้นไปที่เครื่องดื่มชาร้อน ที่เข้ากันได้ดีกับการรับประทานเค้ก เช่น ชาดอกไม้ที่ร้านทำขึ้นเอง และชากุ้ยฮวา
สำหรับแผนธุรกิจในอนาคต 2 พี่น้อง บอกว่า คิดจะสร้างคีออสเล็กๆ เพื่อเน้นการขายเค้กอย่างเดียว โดยไม่คิดที่จะเปิดร้านที่มีโต๊ะนั่ง เนื่องจากไม่เหมาะสมกับเศรษฐกิจในยุคนี้ โดยดูทำเลย่านถนนรัชดา วิภาวดีรังสิต เพราะลูกค้าในละแวกดังกล่าวต่างก็รู้จักร้านเค้กละเลียดเป็นอย่างดี

ร้านละเลียด ถือเป็นร้านที่เหมาะกับการมานั่งละเลียดเค้กสมชื่อ แม้ว่าจะตึกแถวธรรมดา แต่ก็ตกแต่งอย่างหรูหรา ผสมผสานด้วยความอบอุ่นแบบสบายๆ ประดับด้วยโคมไฟระย้าขนาดใหญ่กลางร้าน ที่ช่วยเพิ่มความสวยงามยิ่งขึ้น พร้อมทั้งมีเก้าอี้หวายแบบอาร์มแชร์ที่นั่งแล้วให้ความรู้สึกสบายจนไม่อยาก จะลุกจากไปไหน
สนใจติดต่อ 0-2691-5449,0-2276-2464 ร้านตั้งอยู่บริเวณซอยวิภาวดี 16 (โชคชัยร่วมมิตร) จากถนนวิภาวดีรังสิต ตรงมาทางซอยวิภาวดีรังสิต 16 (โชคชัยร่วมมิตร) เลี้ยวเข้ามาในซอย ร้านละเลียด อยู่ระหว่างซอยย่อยที่ 37 และซอยย่อยที่ 39

ที่มา ผู้จัดการออนไลน์

2552/04/23

ร้านอาหารจีน ฮ่องกง ฟิชเชอร์แมน


อาหารจีนสไตล์ฮ่องกง แท้ๆ พวกวัตถุดิบหลักต่างๆ อย่างซอสต้องนำเข้ามาเป็นพิเศษจากฮ่องกง และที่พิเศษสุดคือมี Executive Chef ชาวฮ่องกงชื่อปีเตอร์ ไล เป็นผู้รังสรรค์และปรุงแต่งอาหารจีนจานเด็ดขึ้นมามากมมายกว่า 200 เมนูให้คออาหารจีนให้เลือกกินกันตามใจชอบ




เมื่อกระเพาะเริ่มส่งเสียงร้องประท้วงความหิวดังขึ้นอย่างหนัก พวกเรารอช้าต่อไปไม่ได้อีกแล้ว รีบเลือกสั่งอาหารจานอร่อยมากินดับความหิวเป็นการด่วน เริ่มจากจานแรกเป็น บาร์บีคิวรวมมิตร (600 บาท สั่งหลัง 21.00 น. ลด 50% ตั้งแต่วันนี้ – 15 มิ.ย. นี้)พอถูกยกมาวางบนโต๊ะ ก็เรียกน้ำลายได้เลยทีเดียว ในจานมีทั้งหมูกรอบ หมูแดง และเป็ดย่าง ต้องบอกว่าทั้งสามอย่างนี้มีความพิเศษมากเลยทีเดียว เริ่มจากหมูกรอบที่หนังกรอบสมชื่อ ส่วนเนื้อและมันนั้นก็นุ่ม ชุ่มฉ่ำ ไม่แห้ง ไม่เหนียว ถัดมาเป็นหมูแดงชิ้นใหญ่ เนื้อนุ่มหวานหอม โดยเฉพาะเป็ดย่าง ที่หนังแห้งกรอบ เนื้อนุ่มและไม่มีกลิ่นสาบ และจะให้อร่อยยิ่งขึ้นต้องกินกับซอสบ๊วย ซีอิ้วหวาน หรือซอสบาร์บีคิวซอสที่เสิร์ฟมาพร้อมกัน

ก้ามปูยัดไส้
และเมื่อมาถึงฮ่องกง ฟิชเชอร์แมน พวกเราก็ต้องชิมอาหารซีฟู้ดที่ทางร้านแนะนำว่าสดมาก โดยเลือกสั่งมาเป็น ก้ามปูยัดไส้ (ชิ้น ละ 150 บาท)ก้ามปูก้ามโตมากๆ ไส้ที่ยัดนั้นทำมาจากเนื้อปู ผสมกับกุ้งแชบ๊วยตัวใหญ่ นำมาผสมกันแล้วปรุงรส ห่อรวมกับก้ามปู จากนั้นนำไปคลุกเกล็ดขนมปังทอดมาสีเหลืองกรอบชวนชิม กินคู่กับซอสเปรี้ยวหวาน ลิ้มรสก้ามปูกัดเข้าไปคำแรกก็เจอกับกุ้งและเนื้อปูแบบเต็มๆคำ พอราดซอสเปรี้ยวหวานลงไปด้วย อื้อหือ อร่อยถูกปากอย่าบอกใครเชียว

หอยเชลล์หยินหยางผัดถั่วหวาน
จานต่อไปตามมาด้วย หอยเชลล์หยินหยางผัดถั่วหวาน (1,600 บาท) จานนี้มีหอยเชลล์สองแบบ แบบแรกคือหอยเชลล์ชุบแป้งทอด แบบที่สองเป็นหอยเชลล์ผัดกับซอสสูตรฮ่องกง และมีถั่วหวานผัดกรอบๆ มาให้กินแกล้มคู่กัน จานนี้มีทีเด็ดโดนใจปากอยู่ที่หอยเชลล์ตัวโต เนื้อสดเคี้ยวนุ่มแน่นหนึบหวานแบบเต็มปากเต็มคำ

ปลาเก๋าแดงนึ่งสไตล์เสฉวน
จากนั้นก็ตามมาติดๆกันที่ ปลาเก๋าแดงนึ่งสไตล์เสฉวน (ราคาตามน้ำหนักปลา) เป็นปลาเก๋าแดงสดๆ นำมานึ่งใส่ผักเสฉวน เห็ดหอม ขิงซอย และเนื้อหมูหั่นเป็นชิ้น ปรุงรสด้วยซอสเสฉวน จานนี้มีความโดดเด่นที่ปลาสด ทำให้เนื้อแน่นหวาน เมื่อมารวมกับกับขิง ทำให้เพิ่มความหอม ไม่มีกลิ่นคาว เหมาะกับคนรักสุขภาพมาก

ไข่กบหิมะเม็ดบัวและพุทราจีน
พอเริ่มอิ่มจากอาหารคาว พวกเราก็เลือกสั่งของหวานมาล้างปากตบท้ายด้วยเมนูนี้ ไข่กบหิมะเม็ดบัวและพุทราจีน (300 บาท) ต้องบอกว่าเมนูนี้ไม่ได้มีกินทุกฤดู จะมีเป็นช่วงเท่านั้น ของหวานถ้วยนี้ต้องกินตอนร้อนๆ ตัวไข่กบหิมะนิ่มๆ ลื่นๆ เหมือนวุ้น กินคู่กับเม็ดบัว และพุทราจีน รสไม่หวานจนเกินไปชุ่มชื่นโล่งคอ

หลากหลายขนมหวานสไตล์ฮ่องกง
อาหารจีนจานเด็ดสไตล์ฮ่องกงยังไม่หมดแต่เพียงแค่นี้ เพราะในเมนูอาหารยังมีอีกหลากหลายอาหารจานเด่นที่ชวนลองลิ้ม อาทิ สุกี้ปลาหยกขาว(1,200 บาท) สุกี้เซ็ท(299 บาท) หอยแมลงภู่นิวซีแลนด์เที่ยวโปรตุเกส (220 บาท)เป็ดอบชาเขียว(ตัวละ 700 บาท)ปอเปี๊ยะทะเล (250 บาท) รวมถึงมีขนมหวานสไตล์ฮ่องกงด้วย และในช่วงมื้อกลางวัน 11.00-15.00 น. มีติ่มซำนึ่ง สดมากมายกว่า 60 อย่างให้เลือกกิน แถมตอนนี้มีโปรโมชั่น บุฟเฟต์มา 4 จ่าย 3 ราคา 488 บาท/ท่าน ไม่รวมเครื่องดื่มตั้งแต่วันนี้-30 เม.ย.นี้

"ฮ่องกง ฟิชเชอร์แมน" มีอาหารจีนสไตล์ฮ่องกงบริการ
หากมิตรรักนักกินทั้งหลายมีโอกาสมาเดินเที่ยวที่อิมแพคฯ แล้วอยากลองลิ้มอาหารฮ่องกงรสเลิศ แบบไม่ต้องบินไปไกลถึงฮ่องกง "ตระเวนกิน"ขอแนะนำให้ลองแวะมาที่นี่ "ฮ่องกง ฟิชเชอร์แมน" รับรองว่าจะได้ชิมอาหารจีนสไตล์ฮ่องกงแท้ๆแบบไม่แพ้ต้นตำรับเลยทีเดียว

ครัวเปิดที่โชว์ให้เห็นการปรุงอาหาร
* * * * * * * * * * * * * * * * * * * * * * * * * * * * * * * * * * * * * * * * * * * * * * *


ห้องส่วนตัวชั้นบน
"ฮ่องกง ฟิชเชอร์แมน" ตั้งอยู่ที่ล็อบบี้ อาคาร 8 ศูนย์แสดงสินค้าอิมแพ็ค เมืองทองธานี จ. นนทบุรี มีที่จอดรถด้านหน้าและด้านข้างร้าน รับบัตรเครดิต เปิดบริการทุกวัน เวลา 11.00 – 23.00 น. สามารถจอดรถได้ด้านข้างร้าน โทร. 0-2833-5434-5, 0-2504-4980

ที่มา ผู้จัดการออนไลน์

2552/04/13

ร้านอาหารอิตาเลียน Delicatezza

ที่นี่เขาบริการอาหารแบบอิตาเลียนระดับพรี่เมี่ยมแบบโฮมเมดขนานแท้อันเลิศรส โดยมีคุณ ศริยา พอลลา เจริญผล หรือ พี่แป๊ว ซึ่งเป็นแฟนพันธมิตรกู้ชาติ ผู้เป็นทั้งเจ้าของร้านและเป็นเชฟฝีมือเอกเข้าครัวปรุงอาหารเองด้วย

อาหารอิตาเลียนที่นี่มีความหลากหลายให้เลือกสั่งมากินมากมายหลายเมนู มื้อนี้"ตระเวนกิน"จึงขอเลือกที่จะสั่งเมนูไฮไลท์จานเด่นของที่นี่มากินแบบ ตามใจปาก โดยเริ่มกันที่ Grilled vegetable (380 บาท++) เป็นผักย่างหลายอย่างสีสันชวนกิน มีทั้งพริกหวานสีแดง-สีเหลือง เห็ดออเรนจิ มะเขือม่วง ซูกินี่ แอสพารากัส ที่นำไปกริลล์ในกระทะจนผักสุกกำลังดี แล้วราดด้วยน้ำสลัดบาซามิคโก้กับโอลีฟออย ผักย่างแต่ละอย่างล้วนมีรสชาติของผักย่างที่หอมหวาน ผสานกับรสชาติเปรี้ยวๆ ของน้ำสลัดเข้ากันถูกปากดีนักเชียว

Smoked salmon Carpaccio
แล้วจานต่อมาก็ถูกเสิร์ฟมาเป็น Smoked salmon Carpaccio (490 บาท++) แซลมอนญี่ปุ่นรมควันสไลด์เป็นชิ้น ราดด้วยบาซามิคโก้ และมีผักร็อคเก็ตสลัด กับพาเมซานชีส ใส่มาด้วย กินเนื้อปลาแซลมอนเนื้อนิ่มหอมกลิ่นรมควัน รสหวานนุ่มลิ้นซึมรสชาติน้ำบาซามิคโก้ออกเปรี้ยวๆ เจือหวาน เป็นอะไรที่กลมกลืนรสชาติเข้ากันดี

Seafood Soup
จากนั้นพวกเราสั่งซุปมากินกัน เป็น Seafood Soup ( 499 บาท++) ซุปถ้วยนี้ชามโตไม่ใช่เล่น และอุดมไปด้วยของทะเลนานา มีกุ้งแชบ๊วยตัวใหญ่ ปลาหมึก หอยลาย หอยตลับ หอยแมลงภู่ ที่ล้วนแล้วแต่เนื้อหวานสดทั้งนั้น กินเข้ากันกับซุปซอสมะเขือเทศหอมหวานรสละมุนกลมกล่อม เจือรสเผ็ดปลายลิ้นนิดๆ

Penne smoked salmon cream sauce
หลังจากได้ซดซุปร้อนๆ พอให้ได้คล่องคอ พวกเราก็สั่งเมนูพาสต้ามากินกันต่อ ที่นี่มีเมนูพาสต้าให้เลือกสั่งมากมาย แต่ถ้าถามถึงเมนูขึ้นหน้าขึ้นตาที่ว่ามาแล้วต้องสั่งมากินให้ได้ต้องเมนูนี้ เลย Penne smoked salmon cream sauce (390 บาท++) แต่ก็ต้องบอกก่อนว่าเหมาะสำหรับคนชอบกินพาสต้าแบบครีมซอส เพราะทางร้านจะนำซอสมะเขือเทศผสมกับครีมซอสสูตรพิเศษใส่พาเมซานชีสและปรุง เคี่ยวอยู่นานจนได้เป็นซอสครีมข้นออกสีส้มๆ นำมาผัดกับพาสต้าเพนเน่และแซลมอนจากเดนมาร์ค ชิมพาสต้าจานนี้แล้วโดนใจปากมากๆ ตัวครีมซอสมะเขือเทศจะสอดแทรกซึมเข้าไปในตัวพาสต้าเพนเน่เนื้อนิ่ม รสหวานนุ่มเนียนละมุนละไมจริงๆ

Spaghetti with Rock Lobster and white wine
แต่ถ้าไม่ชอบกินพาสต้าแบบครีมซอส ขอเสนอเมนูนี้ Spaghetti with Rock Lobster and white wine (650 บาท++) เป็นสปาเก็ตตี้เส้นเล็กเอามาผัดกับน้ำมันมะกอก ใส่กระเทียม ไวน์ขาว และใส่เนื้อล็อบสเตอร์ลงไป พร้อมกับใส่พริกนิดหน่อยเพื่อเพิ่มความเผ็ด ม้วนเส้นสปาเก็ตตี้เข้าปากเคี้ยวเส้นเหนียวนุ่มได้รสชาติความหอมของน้ำมัน มะกอกและไวน์ขาว กลมกล่อมรสชาติเข้ากับเนื้อล็อบสเตอร์หวานนุ่มลิ้น

Lamb chop
พอได้กินเมนูพาสต้าไปแล้วถึง 2 จาน คราวนี้มากินเมนคอร์สกันต่อเป็น Lamb chop (499 บาท++) ที่ถ้าใครชอบกินเนื้อแกะไม่ควรพลาดลิ้มรสเด็ดขาด เพราะที่นี่คัดสรรส่วนของเนื้อแกะที่ดีมาทำ โดยจะนำมาชิ้นเนื้อแกะมาหมักกับเครื่องเทศหลายอย่างและหมักทิ้งไว้ข้ามวันจน เครื่องเทศซึมถึงเนื้อในแกะ แล้วนำมากริลล์ให้สุกเสิร์ฟมาร้อนๆ มีกระเทียมกับโรสแมรี่โรยหน้ามาด้วย ส่งกลิ่นหอมยั่วน้ำลายจนต้องรีบหั่นชิ้นเนื้อแกะแล้วส่งเข้าปากเคี้ยวเนื้อ แกะหอมนุ่มเหนียวหนึบหนับ ได้รสชาติเครื่องหมักที่เข้มข้นซึมถึงเนื้อในแกะ โดยไม่ต้องมีน้ำเกรวี่หรือน้ำซอสอะไรจิ้มเพิ่มรสชาติ และที่สำคัญไม่มีกลิ่นสาปแกะเลย

Ice Cream และ Tiramisu
กินเมนูของคาวไปจนจะอิ่มท้อง แต่แน่นอนว่าพวกเราก็ไม่ลืมที่จะเหลือพื้นที่ในท้องไว้กินของหวานด้วย เพราะที่นี่มีไอศกรีมโฮมเมดที่ทางร้านทำเองให้เลือกสั่งมากินเป็นเมนูล้าง ปากแบบเย็นชื่นฉ่ำลิ้นอย่างหลากรสชาติ รสที่ขอแนะนำมี Sunkist Sorbet (210 บาท++) จะได้สัมผัสถึงรสชาติไอศกรีมที่มีเนื้อส้มล้วนๆ เปรี้ยวๆ หวานๆ กินแล้วเย็นสดชื่นฉ่ำปาก แถมมีเปลือกส้มต้มกับไวน์ขาวราดมาเป็นท็อปปิ้งด้วย

มุมห้องเก็บไวน์
ส่วนอีกหนึ่งรสชาติที่ไม่ควรพลาดแถมหากินได้ยากคือ Chestnut Ice Cream (210 บาท++) เป็นไอศกรีมเกาลัดเนื้อเนียน ที่ทำมาจากเกาลัดเชื่อมของฝรั่งเศส มีเนื้อเกาลัดให้เคี้ยวนุ่มละมุนไปกับเนื้อไอศกรีมรสหวานกำลังดี และราดด้วยท็อปปิ้งเกาลัดหวานหอม แล้วก็ขอปิดท้ายด้วยอีกหนึ่งเมนูของหวานประจำร้านที่ขายดี นั่นคือ Tiramisu (210 บาท++) เนื้อแน่นเนียนนุ่มเข้มข้นไปด้วยรสชาติของกาแฟเย็นฉ่ำปาก

ครัวเปิดของร้านที่เห็นขั้นตอนการปรุงอาหารของเชฟ
เหล่านี้เป็นเพียงเศษเสี้ยวของเมนูจานเด็ด ที่ “ตระเวนกิน” และเพื่อนได้ลองลิ้มและติดใจในรสชาติ จนต้องขอนำมาเสนอให้มิตรรักรักนักกินได้ลองตามไปชิมกันบ้าง แต่ว่านอกจากนี้แล้วก็ยังมีเมนูอื่นๆ อีกมากในรายการที่ชวนกินไม่แพ้กัน อาทิ Mixed Salad (240 บาท++) Spaghetti alla Carbonara (340 บาท++) Seabass with green sauce (499 บาท++) Grilled Devil Chicken (490 บาท++) และเมนูอื่นๆ อีกสารพัดที่ชวนให้ได้มานั่งละเมียดละไมไปกับการกินอาหารอิตาเลียนที่ “Delicatezza”

* * * * * * * * * * * * * * * * * * * * * * * * * * * * * * * * * * * * * * * * * * * * * * *

"Delicatezza" (เดลิคาเตซซ่า) ตั้งอยู่ที่ 145 ซ.ทองหล่อ 10 ถ. สุขุมวิท คลองตันเหนือ วัฒนา กทม. การเดินทางนั่งรถไฟฟ้าBTS มาลงที่สถานีทองหล่อ แล้วตรงเข้ามาที่ทองหล่อซ.10 เข้ามาในซอยนิดเดียวจะเห็นร้านเดลิคาเตซซ่าตั้งอยู่ทางซ้ายมือ ภายในร้านมีที่จอดรถ เปิดอังคาร-อาทิตย์ เวลา 11.30-14.30 และ 17.30-23.00 น. โทร. 0-2392-4977 ถึง 8, 08-1989-8947

2552/04/11

ภัตตาคารวาแตล บุฟเฟต์นานาชาติ


ภัตตาคารวาแตลแห่งนี้ ให้บริหารอาหารเน้นหนักไปที่อาหารฝรั่งเศสเลิศรส อาหารอิตาเลี่ยนรสเลิศ และอาหารไทยชวนลิ้มลอง ที่ในมื้อนี้เราอยากจะพามิตรรักนักกินทุกคนโดยเฉพาะผู้ที่ชื่นชอบความอิ่ม แบบไม่จำกัดมาที่นี่ ก็เพราะว่าจะชวนมากินบุฟเฟต์ ซึ่งตอนนี้ที่นี่กำลังจัด "โปรโมชั่นบุฟเฟต์นานาชาติมื้อกลางวัน" ที่ห้องอาหารแวร์ซาย โดย จะมีเมนูอาหารทั้งฝรั่งเศส อิตาเลี่ยน และไทย มากมายหลายสิบอย่าง จัดเป็นเมนูจานเด็ดออกมาให้ได้เลือกลองลิ้มรสชาติตามชอบใจ และก็จะมีเมนูใหม่ๆ หมุนเวียนสลับสับเปลี่ยนกันไปในแต่ละวัน ให้ได้อิ่มหนำกันแบบเต็มที่

ซุปครีมข้นผักรวม
สำหรับเมนูจานเด่นๆ ที่ชวนลิ้มรสก็มีมากมายเอาแบบที่โดนใจ และติดใจปากเราก็มีอยู่หลายเมนู อย่างซุปสไตล์ฝรั่งเศสก็ต้องตัวนี้เลย ซุปครีมข้นผักรวม สีเหลืองนวลชวนกิน เป็นซุปที่ทำมาจากผักหลายชนิด เนื้อซุปเนียนละมุนหอมนุ่มวิปปิ้งครีม ซดร้อนๆ คล่องคอ

ไก่ตุ๋นไวน์แดง
หลังจากกินซุปหมดถ้วย เราต่อด้วย ไก่ตุ๋นไวน์แดง สไตล์ฝรั่งเศสที่เป็นชิ้นไก่เนื้อนุ่ม ชุ่มไปด้วยน้ำซอสไวน์แดงรสชาติกลมกล่อมลิ้น และหอมกลิ่นไวน์แดงอ่อนๆ

หมูชุปไข่ทอดราดซอสมะเขือเทศสด
พอกินไก่แล้วเราก็เดินไปตักหมูมากินบ้าง เห็นเมนูอิตาเลียนอย่าง หมูชุบไข่ทอดราดซอสมะเขือเทศสด น่า กินดี เป็นหมูที่แล่มาเป็นชิ้นพอดีคำ ตัวหมูถูกคลุกด้วยแป้งและชุบไข่ทอดจนสุก แล้วก็มีน้ำซอสมะเขือเทศราดหน้ามา และมีเส้นสปาเก็ตตี้ผัดใส่น้ำมันมะกอก กระเทียมสับ หอมสับ มาให้กินคู่กับหมูด้วย ลิ้มรสหมูเนื้อนุ่มเข้ากันดีกับซอสมะเขือเทศเข้มข้นหวานอมเปรี้ยว และชวนให้อิ่มท้องไปกับเส้นสปาเก็ตตี้เหนียวนุ่ม

ข้าวตังหน้าตั้ง
แต่ว่ายังเรายังไม่อิ่มง่ายๆ หรอก เพราะยังเดินไปตักอาหารไทยมากินกันต่อได้ อย่าง ข้าวตังหน้าตั้ง

เป็นข้าวตังชิ้นเล็กขนาดพอดีคำทอดกรอบ แล้วก็มีหน้าที่ทำโดยเคี่ยวกะทิให้แตกมันแล้วนำกระเทียมพริกไทยมาผัดให้หอม ใส่หมูสับ กุ้งสับ และผัดต่อจนสุก จากนั้นใส่หอมแดงและถั่วลิงสงป่นลงไปผัดให้เข้ากันปรุงรสด้วยน้ำมะขาม น้ำปลา น้ำตาลปี๊บออกมาเป็นหน้าที่เอาไว้กินกับข้าวตัง เวลากินก็เอามาราดลงบนข้าวตังแล้วส่งเข้าปากทั้งคำเคี้ยวกร้วมข้าวตัง กรอบกรุบได้รสชาติอหวานมัน เคี้ยวเพลินถูกปากนักเชียว
ลาบปลากะพง
ลาบปลากะพง เป็นอีกหนึ่งเมนูอาหารไทยที่เลือกตักมาลองลิ้ม เพราะชอบกินปลาอยู่แล้ว ที่นี่เขาเอาเนื้อปลากะพงไปคลุกแป้งแล้วทอดจนเหลืองกรอบ แล้วก็ทำเครื่องลาบแบบครบเครื่องราดมาบนปลา ชิมลาบปลากะพงแล้วต้องบอกว่าโดนใจปาก ตรงที่ว่าเนื้อปลากะพงนุ่มไม่คาวซึมเครื่องลาบรสชาติจัดจ้านออกเปรี้ยว หวาน และเผ็ดกำลังดี

สารพัดเบเกอรี่สไตล์ฝรั่งเศส
เห็นว่าเราก็ได้กินเมนูไปแบบหลากหลายเมนู และได้อิ่มกันแบบเต็มที่ แต่ขอบอกว่าเมนูจานเด็ดของบุฟเฟต์ที่นี่ยังไม่หมด เพราะว่ายังมีเมนูอื่นๆ ให้เลือกตักกินได้ตามชอบใจอีกมากมาย และแบบหลากหลาย อาทิ สลัด ผักรวมเสิร์ฟกับน้ำสลัดต่าง สลัดทูน่าใส่มะกอก ไข่ต้ม สลัดหน่อไม้ฝรั่ง ฟรุ๊ตสลัด น้ำพริกลงเรือ ยำหมูย่าง ยำวุ้นเส้น ต้มข่าไก่ ดอกกะหล่ำอบชีส ปลาโดรีผัดพริกไทยดำ หมูทอดกระเทียมพริกไทย ผัดผักรวม ฯลฯ

รวมถึงบุฟเฟต์มื้อกลางวันนี้ไม่ได้มีอาหารคาวอย่างเดียว เพราะว่ายังมีมุมอาหารหวาน อย่างเบเกอรี่สไตล์ฝรั่งเศสแบบโฮมเมดที่ทำเองแบบสดใหม่ทุกวัน ให้ได้เลือกอิ่มหนำแบบตามชอบใจ ไม่ว่าจะเป็น ราสเบอร์รี่ทาร์ต ช็อคโกแลตทาร์ต เลมอนทาร์ต มิกซ์ฟรุตทาร์ต ทีรามุสุเค้ก ช็อคโกแลตมูส คาราเมลคัสตาร์ด และอื่นๆ อีกมากมาย ที่ให้เราได้เลือกอิ่มแบบไม่จำกัดทั้งอาหารคาว-หวาน ในรูปแบบบุฟเฟต์มื้อกลางวันในราคาเพียง 250 บาทต่อคนเท่านั้น มื้อนี้ใครที่ชอบแบบกินอิ่มแบบคุ้มค่า เห็นทีว่าไม่ควรพลาดนะจะบอกให้

อีกหนึ่งมุมโต๊ะนั่งสบายๆ
* * * * * * * * * * * * * * * * * * * * * * * * * * * * * * * * * * * * * * * * * * * * * * *

"ภัตตาคารวาแตล" (Vatel Restaurant) ตั้งอยู่ที่ 22 ถ. ถนนบรมราชนนี ตลิ่งชัน กทม. การเดินทางถ้ามาจากเซ็นทรัลปิ่นเกล้า ให้วิ่งตรงมาที่ถ.บรมราชชนนี วิ่งตรงมาจนก่อนถึงทางกลับรถใต้สะพานลอยฟ้าบรมราชชนนี (ใกล้กับทางรถไฟบางขุนนนท์) หรือวิ่งออกเส้นคู่ขนานผ่านหน้าอาคารวัฏจักรเก่าซ้ายมือจะพบกับป้ายภัตตาคา รวาแตลอยู่ริมถนนทางซ้ายมือ ให้เลี้ยวเข้าไปยังที่จอดรถด้านในได้เลย สำหรับบุฟเฟต์นานาชาติมื้อกลางวัน เปิดบริการทุกวันจันทร์-ศุกร์ เวลา 11.00-14.00 น. และพิเศษเมื่อมา 5 ท่าน จ่ายเพียง 4 ท่าน ตั้งแต่วันนี้เป็นต้นไป โทร. 0-2880-9684 ถึง 6