2551/12/15

ร้านอาหาร Jamie's

สำหรับเมนูอิตาเลียนจานเด่นๆ ของที่นี่ที่ชวนสั่งให้มาชิมนั้นมีมากหลาย ขอแนะนำเริ่มจากเมนูกินเล่น อย่างเกี๊ยวห่อชีส (70 บาท) ที่แผ่นเกี๊ยวทอดได้กรอบนอกนุ่มใน และข้างในอัดแน่นไปด้วยชีส 3 อย่าง คือมอสซาเรลล่าชีส พาร์เมซานชีส เชดดาร์ชีส ที่ทางร้านนำมาผสมผสานกัน กินแล้วหอมนุ่มออกเค็มรสชีสนิดๆ

เมนูถัดมาเป็น ซุปครีมเห็ด (70 บาท) ที่ถ้าใครชอบกินซุปเห็ดเนื้อเนียนเข้มข้นหอมนุ่มละมุนลิ้นไม่ควรพลาดสั่งมาลิ้มลอง เพราะที่นี่ใช้เห็ดแชมปิยองอย่างดีมาทำผสมกับการใส่ครีมข้นแท้ๆ

หอยลายอบเนย (80 บาท) เป็นเมนูที่น่ากิน มาในรูปแบบของจานที่ดูเหมือนถาดขนมครก ภายในแต่ละหลุมมีหอยลายสดตัวใหญ่ที่ผ่านการปรุงรสผสมเครื่องเทศ ใส่พาเมซานชีส หัวหอมใหญ่ และเนยที่อบมาจนร้อน ส่งกลิ่นหอมๆ กินแล้วหอยลายเคี้ยวกรุบชุ่มรสชีสและเครื่องเทศ

แต่ถ้าใครชอบกินสลัดเพื่อสุขภาพ ขอนำเสนอซีซาร์สลัด (90 บาท) ที่อุดมไปด้วยผักไฮโดรโปนิกส์ อย่างผักคอส ฟิลเลย์ไอส์เบิร์ก และราดด้วยน้ำสลัดซีซาร์สูตรของทางร้าน โรยหน้าด้วยขนมปังครูตอง และพาร์เมซานชีส กินสลัดผักสดกรอบเข้ากับน้ำสลัดรสดี

และก็มาถึงเมนูจานเส้นอย่างพาสต้า ซึ่งที่นี่มีเมนูสปาเก็ตตี้ให้เลือกกินมากมายอย่างจานเด็ดที่ชวนกิน คือ สปาเก็ตตี้เส้นดำกุ้งแม่น้ำ (180 บาท) เป็นเส้นสปาเก็ตตี้เส้นดำนำมาผัดกับซอสมะเขือเทศเข้มข้นสูตรพิเศษที่ปรุงขึ้นมาเองโดยเฉพาะ และผสมกับพริกนิดหน่อย เสิร์ฟพร้อมกับกุ้งแม่น้ำที่ย่างแบบสดๆ กินสปาเก็ตตี้เส้นดำเหนียวนุ่มหนึบปากผสานรสชาติซอสที่เข้มข้น และเข้ากันดีกับกุ้งแม่น้ำเนื้อหวานมีมันกุ้งเยิ้ม

สปาเก็ตตี้ผัดหอยลาย (140 บาท) เป็นอีกหนึ่งเมนูจานเส้นที่น่ากิน เส้นสปาเก็ตตี้แบบเส้นเล็กผัดกับหอยลายคลุกเคล้ากับโฮมเมดซอสเพสโตที่ทางร้านทำเอง ปรุงแต่งรสชาติออกสไตล์ไทยๆ นิดๆ ใส่พริกและพริกไทยอ่อนด้วย ชิมรสชาติแล้วต้องบอกว่าสปาเก็ตตี้ซึมรสชาติซอสเพสโตและหอมกลิ่นใบโหระพาอ่อนๆ ได้รสชาติที่จัดจ้านออกเผ็ดลิ้นกำลังดี

แล้วถ้าอยากกินสเต็กที่นี่ก็มีให้กินเหมือนกัน สเต็กปลาแซลมอน (180 บาท) จานนี้ชวนสั่งมาชิม เพราะทางร้านเลือกใช้ปลาแซลมอนจากนอร์เวย์นำมาหั่นเป็นชิ้นตามที่ต้องการ แล้วนำไปย่างบนกระทะจนหนังปลากรอบเนื้อปลาสุกนุ่มฉ่ำกำลังดี มีน้ำเกรวี่สูตรเด็ดปรุงเองราดมา กินสเต็กปลาแซลมอนหอมๆ หนังปลากรอบเนื้อปลานุ่มฉ่ำหวาน ผสานรสชาติเข้ากันกับน้ำเกรวี่ที่ออกรสเปรี้ยวนิดๆ และมีมันบดปรุงรสให้กินแกล้มด้วย

ยังมีเมนูที่อยากแนะนำแบบว่าพลาดไม่ได้ต้องสั่งมากินกัน นั่นคือพิซซ่าโฮมเมดสไตล์อิตาเลียนแท้ๆ แบบบางกรอบ ที่ทางร้านทำแป้งพิซซ่าเอง มีหลายหน้าให้สั่งมากิน แต่หน้ายอดนิยมขอแนะนำ พิซซ่า 4 ฤดู (280 บาท) ที่รวมพิซซ่า 4 หน้ามาไว้ในถาดเดียวกัน มีหน้าปลาทูน่ากับมะกอกดำ ฮาวายเอี้ยนแฮมกับสับปะรด ซีฟู้ด และเปปเปอร์โรนี่กับมะกอกดำ และเด่นตรงที่ใส่ชีส 3 อย่าง คือ มอสซาเรลล่าชีส พาร์เมซานชีส เชดดาร์ชีส แล้วโรยหน้าด้วยผักร็อกเก็ต กินพิซซ่าแป้งบางกรอบแต่นุ่มแน่นไปด้วยเครื่องสารพัดหน้าที่ใส่มา

ทั้งหมดนี่คือส่วนหนึ่งของเมนูจานเด่นๆ ที่ขอนำมาเสนอ แต่ว่าเมนูอิตาเลียนอันเลิศรสของที่นี่นั้นยังมีอีกเพียบ อาทิ ยำสลัดคุณแม่ (90 บาท) เส้นดำเฟตตูชินี่ซอสไวน์ขาว (180 บาท) ปลาดอรี่ย่างสมุนไพร (150 บาท) ปลาหมึกชุปแป้งทอด (100 บาท) สปาเก็ตตี้แกงกะหรี่ญี่ปุ่น (150 บาท) ฯลฯ ขอบอกว่าร้าน Jamie's เป็นอีกหนึ่งทางเลือกสำหรับผู้ที่พิสมัยอาหารอิตาเลียนสไตล์โฮมเมดที่ไม่ซ้ำแบบใคร
"Jamie's" (เจมส์มี่) ตั้งอยู่ที่ศูนย์การค้า เซฟ-อี 42/19 ถ.บรมราชชนนี แขวงศาลาธรรมสพน์ เขตทวีวัฒนา กทม. การเดินทางวิ่งมาตามถ.ปิ่นเกล้า-นครชัยศรี ผ่านสายใต้ใหม่ (ตลิ่งชัน) ผ่านรพ.ธนบุรี 2 และตรงมาอีกนิดให้ขับชิดซ้ายไว้จะ เห็นป้ายศูนย์การค้าเซฟ-อี ก็ให้เลี้ยวเข้าไป และตรงไปด้านในก็จะเห็นร้าน Jamie's ตั้งอยู่ซ้ายมือ มีป้ายร้านให้เห็นชัดเจน มีที่จอดรถอยู่ด้านหลังของศูนย์การค้าฯ เปิดจันทร์-ศุกร์ 16.00-21.00 น. เสาร์-อาทิตย์ 11.00-21.00 น. มีบริการเดลิเวอร์รี่ด้วย โทร. 0-2885-9185

2551/12/11

ร้านอาหาร Zense by Zen,central World

ร้านอาหารร้านใหม่ชื่อว่า Zense ซึ่งน่าจะมาจากห้าง Zen ที่ Central World ชั้น 17 ฝั่ง Zen ร้านนี้จุดเด่นน่าจะอยู่ที่วิว เหมือนร้านอาหารตามยอดตึกหลายๆแห่ง
การตกแต่ง style loft ก็ดูสบายๆ เห็นวิวได้โดยรอบ แต่บรรยากาศภายใน คงจะสู้ภายนอกไม่ได้ ถ้าคุณไปเวลากลางคืน แนะนำให้โทรไปจองที่ด้านนอกก่อน เพราะบรรยากาศ และวิวนั้น ดูดีกว่ากันเยอะ ไว้ถ้าเรามีโอกาศ จะเก็บภาพกลางคืนมาฝากกันอีกที แต่ช่วงนี้ถ้าไปอาจจะไปชนกับ เบียร์การ์เด้นด้านบน Heineken Green Space ชั้น 18
The Restaurant
The latest concept restaurant and bar by ZEN, Asia’s Trendy Lifestyle Megastore, ZENSE is offering the best of gourmet Thai, Italian, Japanese and Indian dishes, and scrumptious desserts from the city’s top restaurateurs.
The Four Kitchens at ZENSE:
- Thai cuisine by White Café well known for its innovative cooking style and high quality ingredients.
- Italian Food by Gianni Ristorante, Thailand’s top-notch Italian restaurant adored for its authentic flavors.
- Japanese cuisine by Kikusui, capable of pleasing fans of Japanese food with its traditional and fusion fare.
- Indian taste by Red Restaurant whose serving of contemporary dishes is guaranteed to be delightful.
Open daily for lunch at 11.30 a.m. – 2.30 p.m. and for dinner at from sunset till midnight. Call 02 100 9898 for reservations or e-mail to info@zensebangkok.com.

http://www.zensebangkok.com/home.html
http://www.vclub7.com/2008/11/zense-by-zen-central-world/

2551/12/07

ขนมปังวังหลัง สูตร 36 ปี รสชาติคงที่การันตีด้วยความนุ่ม

ย้อน กลับไปเมื่อ 36 ปีที่แล้ว จากลูกจ้างในร้านขนมปัง อาศัยความขยัน อดทน และใฝ่เรียนรู้ ทำให้สามารถเปิดโรงงานเล็กๆ เพื่อทำขนมปังส่งขายตามร้านขายของชำได้เป็นผลสำเร็จ
ปัจจุบัน ได้ก้าวเป็นธุรกิจที่หล่อเลี้ยงครอบครัว และถ่ายทอดถึงรุ่นลูกเข้ามาบริหาร ภายใต้ชื่อร้าน "วังหลัง เบเกอรี่" จากจุดขายขนมปังหนักไส้ ยึดหัวหาดย่านโรงพยาบาลศิริราชมานานกว่า 15 ปี จนกลายเป็นขนมที่ผู้ผ่านไปย่านนั้น ขาดไม่ได้ต้องซื้อเป็นของฝาก
นายบุญชู โชติรัตนไพบูลย์ ผู้จัดการร้าน วังหลัง เบเกอรี่ หรือที่ลูกค้าเรียกกันจนติดปากว่า ขนมปังวังหลัง ทายาทธุรกิจ ที่เติบโตมากับขนมปังปอนด์สอดไส้ทั้งคาว และหวาน ธุรกิจนี้เริ่มต้นจากผู้เป็นพ่อ ที่เป็นคนต่างจังหวัด เข้ามาทำงานในเมืองหลวงตั้งแต่อายุ 16 ปี โดยโชคชะตาก็ลิขิตให้มาเป็นลูกจ้างร้านขนมปังปอนด์ ที่ถือเป็นจุดเริ่มต้นบนถนนของการเป็นเถ้าแก่ร้านขนมปังที่ครองตลาดมายาวนานถึง 36 ปี เพราะการใฝ่ที่จะเรียนรู้ของผู้เป็นพ่อ คอยศึกษากรรมวิธี สูตรขนม เนื้อแป้ง และการทำตลาด จนเกิดความมั่นใจ และลงทุนเปิดโรงงานเล็กๆ เพื่อทำขนมปังปอนด์ส่งตามร้านขายของชำในที่สุด
เมื่อการตัดสินใจครั้งยิ่งใหญ่ที่สุดในชีวิต ด้วยการออกมาเปิดโรงานเล็กๆ เพื่อผลิตขนมปังจำหน่าย เริ่มต้นขึ้นที่ย่านสำเหร่ นำร่องด้วยขนมปังปอนด์หั่นเป็นแผ่น และขนมปังแบบมีไส้ ไม่มีหน้าร้าน เน้นขายส่งร้านของชำทั่วไป จนกระทั่งธุรกิจเริ่มอยู่ตัว ทำให้ในปี 2523 ผู้เป็นพ่อจึงคิดเปิดร้านขายขนมปังด้วยตนเอง ที่วิทยาลัยพณิชยการธนบุรี ต่อมาจึงขยายสาขามาที่ตลาดนัดวังหลัง โรงพยาบาลศิริราช ในปี 2535 จนก่อเกิดเป็นแบรนด์ " วังหลัง เบเกอรี่" จนถึงปัจจุบัน
สำหรับจุดขายที่โดดเด่น และสร้างสร้างชื่อให้กับวังหลัง เบเกอรี่ คือ ขนมปังปอนด์ หนักไส้ที่ปัจจุบันมีถึง 22 ไส้ โดยไส้รวมแฮม หมูหยอง ลูกเกด เนยสด และสลัดแฮม ถือเป็นไส้ที่ขายดีที่สุด ในขณะที่พิซซ่า ก็ได้รับการตอบรับจากลูกค้าดีขึ้นเป็น ลำดับเช่นกัน จาก 3 หน้าหลัก คือ หน้าไส้กรอก, ทะเล และเบคอน จุดขายอีกอย่างหนึ่งคือ ความนุ่มของเนื้อแป้งขนมปัง ที่ใม่ซ้ำใคร จากสูตรดั้งเดิมเมื่อครั้งยังไม่มีแบรนด์วังหลัง เบเกอรี่ ที่ลูกค้าต่างยอมรับในรสชาติ และเป็นที่กล่าวขวัญกันว่าเมื่อนำขนมปังของวังหลัง เบเกอรี่ ไปแช่ในตู้เย็น เมื่อนำออกมารับประทาน โดยวางทิ้งไว้เพื่อให้คลายความเย็น เนื้อแป้งของขนมปังก็ยังคงความนุ่มเหมือนเพิ่งอบออกมาจากเตาเลยทีเดียว
ปัจจุบันร้านวังหลัง เบเกอรี่ ได้ขยายสาขาไปตามย่านต่างๆ โดยเริ่มที่ท่าช้าง (ใกล้กับท่าพระจันทร์) เนื่องจากต้องการให้เป็นที่ผลิตขนมปังเพื่อรองรับความต้องการของลูกค้าที่บางวัน กำลังการผลิตที่สาขาโรงพยาบาลศิริราชไม่เพียงพอ ดังนั้นการเลือกสถานที่ใกล้กับสาขาแรกจึงเป็นกลยุทธ์ทางการตลาดที่เหมาะสมที่สุดในขณะนั้น ต่อมาจึงขยายสาขาไปท่าน้ำคลองสาน และย่านอโศก ซึ่งทุกสาขาจะมีเตาอบขนมปัง เพื่อความสดใหม่ ยกเว้นที่สาขาอโศกเท่านั้นที่ผลิตที่อื่นและนำมาจำหน่ายที่นี่

สำหรับ ราคาของขนมปัง และพิซซ่า อยู่ที่ 40-50 บาท หนักไส้สมราคา ปราศจากวัตถุกันเสีย รวมถึงขณะนี้ทางวังหลังเบเกอรี่ ได้แตกไลน์ขนมอื่นที่นอกเหนือจากขนมปังปอนด์ด้วย ได้แก่ ขนมเค้ก คุกกี้ เป็นต้น ซึ่งก็ได้รับการตอบรับดีจากลูกค้า เพิ่มขึ้นเรื่อยๆ โดยคาดว่าในอนาคตจะขยายสาขาอีก 1-2 สาขา แต่ไม่ได้เร่งรีบมากนัก จนกว่าจะเจอทำเลที่เหมาะสม และพอใจ จึงจะขยายธุรกิจ
"ธุรกิจนี้ถือเป็นความภาคภูมิใจของครอบครัว ที่พ่อแม่ได้วางรากฐานไว้ให้ และสามารถสร้างรายได้ให้กับครอบครัวมาได้อย่างยาวนาน และเมื่อธุรกิจได้ตกทอดมาถึงรุ่นลูกที่เป็นลูกชายทั้งหมด ก็ไม่ใช่อุปสรรคที่ผู้ชายจะมายึดอาชีพการทำขนมปัง หรือในแวดวงเบเกอรี่ เพราะตลอดกว่า 30 ปี ที่ผ่านมา ลูกๆ ทุกคนเรียกได้ว่าเติบโตมาพร้อมกับธุรกิจขนมปัง ที่พ่อจะให้เรียนรู้ทุกอย่างในการดำเนินธุรกิจนี้ ตั้งแต่เล็กๆ ที่ยังทำขนมไม่เป็น ก็ให้ฝึกขายขนม ส่งขนมตามร้านต่างๆ จนกระทั่งเข้ามาสู่ขั้นตอนการผลิต และบริหารร้านเองทั้งหมด"
สนใจติดต่อ 0-2866-1649, 08-4909-2688 เปิดขายตั้งแต่เวลา 07.00-20.00 น. ทุกวัน

2551/12/03

ร้านอาหารไฮเทค inamo

Inamo Restaurant & Bar ร้านอาหารในเมืองลอนดอน สร้างความแปลกใหม่ให้กับลูกค้าที่เข้ามารับประทานอาหาร

โดยติดตั้ง Interactive Ordering System ที่นับว่าล้ำสมัยที่สุดในอังกฤษ จนร้านแห่งนี้กลายเป็นร้านดัง ที่มีคนจองเต็มตลอด เรียกว่า ถ้าคิดจะไปทานดินเนอร์ที่นี่โดยไม่จองล่วงหน้านั้นเป็นไปไม่ได้อย่างแน่นอน
Interactive Ordering System เป็นระบบที่มีการฉายภาพลงมาที่โต๊ะโดยทุกที่นั่งจะมี Touchpad ขนาดเล็กอยู่มุมโต๊ะด้านขวา ซึ่งทำให้ผู้ที่เข้ามาทานอาหารสามารถควบคุมทุกอย่างได้เอง ตั้งแต่ลายของภาพที่เปรียบเสมือนผ้าปูโต๊ะ การเลือกอาหาร เมื่อลูกค้าเลือกอาหารอะไรก็ตาม ก็จะมีภาพอาหารฉายลงมาบนที่รองจานที่วางอยู่บนโต๊ะ ให้ลูกค้าได้เห็นอาหารก่อน และลูกค้าก็สามารถสั่งอาหารได้จากตรงนี้ทันทีโดยไม่ต้องเรียกพนักงานเสิร์ฟ ทางครัวจะรับออเดอร์จากระบบนี้ และอาหารจะมาเสิร์ฟภายใน 15 นาที

ระหว่างรอลูกค้าสามารถเลือกเล่นเกมรอ ซึ่งเล่นได้ทั้งคนเดียวและหลายคนพร้อมกัน หรือบางคนอาจเลือกดูภาพการทำอาหารผ่าน Web Cam ที่ติดตั้งอยู่ในครัว
Interactive Ordering System ให้ความสะดวกกับลูกค้าและกลายเป็นการรับประทานอาหารที่สนุก และไฮเทคขึ้น
credit by http://www.techoops.com/gadgets/inamo/

2551/11/16

เย็นตาโฟปักกิ่ง

"เย็นตาโฟปักกิ่ง" ที่เปิดขายมานานกว่า 40 ปีแล้ว มีคุณปิยะดา ศุภธีระนนท์ เป็นเจ้าของร้าน และเป็นผู้ปรุงเย็นตาโฟตามสูตรเด็ดที่สืบทอดต่อมาจากคุณพ่อ ซึ่งสูตรที่ว่านั้นเป็นสูตรมาจากปักกิ่งที่ไม่มีร้านไหนเหมือน และที่นี่ก็ขายแต่เย็นตาโฟอย่างเดียวเท่านั้น เรียกว่ามั่นใจในรสชาติเย็นตาโฟที่เด็ดจริง
เย็นตาโฟของที่นี่มีเส้นก๋วยเตี๋ยวให้เลือกหลายอย่าง มีเส้นหมี่ขาว เส้นเล็ก เส้นใหญ่ และบะหมี่เหลือง และในชามจะเต็มไปด้วยเครื่องหลายอย่างมีทั้งลูกชิ้นปลาที่ทางร้านทำเองโดย ใช้เนื้อปลาอินทรีย์ ฮือก๊วยที่ทำมาจากเนื้อปลาอินทรีย์เช่นกัน ลูกชิ้นแบนที่ปรุงรสและใส่เห็ดหอมมาด้วย มีปลาหมึกกรอบ เลือด เต้าหู้ เกี๊ยวทอด และที่ทำให้เย็นตาโฟของที่นี่ไม่เหมือนร้านไหน ก็คือ มีเผือกทอดกรอบที่ทางร้านทำเองใส่มาด้วย และผักบุ้งที่ใส่มาด้วยนั้นทางร้านก็เลือกใช้ผักบุ้งไทยก้านเขียวอวบ ที่ต้องสั่งมาจากแม่น้ำท่าจีนเท่านั้น เพราะว่ามีความกรอบเป็นพิเศษ

"เย็นตาโฟปักกิ่ง" ตั้งอยู่ที่ 25/47 ถ. บางขุนนนท์ แขวงบางขุนนนท์ เขตบางกอกน้อย กทม. การเดินทางถ้ามาจากแยกปิ่นเกล้า ให้วิ่งตรงมาทาง ถ.จรัญสนิทวงศ์ (ที่จะมุ่งหน้าไปท่าพระ) วิ่งตรงมาจนเจอแยกไฟแดง ก็ให้เลี้ยวขวาเข้า ถ.บางขุนนนท์ ตรงเข้ามาประมาณ 800 ม. จะเห็นร้านเย็นตาโฟปักกิ่งอยู่ซ้ายมือเป็นตึกแถว จุดสังเกตอยู่ตรงข้ามกับวัดศรีสุดาราม เปิดทุกวัน เวลา 08.00-15.00 น. โทร. 0-2424-9489

ที่มา ผู้จัดการออนไลน์

2551/11/14

ร้านอาหาร Aquatini Riverside Restaurant

ร้านบรรยากาศสบายๆ ภายใน Navalai River Resort บูติก โฮเต็ลแห่งใหม่บนถนนพระอาทิตย์ ซึ่งอยู่ติดกับท่าเทียบเรือท่าพระอาทิตย์พอดิบพอดี ภายในร้านตกแต่งแบบ Contemporary มีค็อกเทลบาร์สุดเก๋ พร้อมโซฟานั่งสบายไม่อึดอัด หรือตอนพระอาทิตย์เริ่มลับขอบฟ้า ก็ให้เราจับจองที่นั่งโซนเทอเรสริมน้ำ เพื่อสูดอากาศและลมเย็นๆ เพลินกับเสียงเพลงแจ็สและบอซซาโนว่า ทั้งยังได้ชมทัศนียภาพของโค้งน้ำเจ้าพระยาใต้แสงเทียน เห็นเรือน้อยใหญ่ที่แล่นผ่านไปมา สลับกับภาพบรรยากาศการสัญจรทางเรือไปมาของคนทั่วไปและนักท่องเที่ยวต่างชาติ
ไก่คั่วตะไคร้ (130 บาท) เนื้อไก่ชิ้นเล็กพอดีคำ คลุกเคล้ากับน้ำซอสรสเปรี้ยวหวาน หอมกลิ่นสมุนไพรไทยด้วยค่ะ หรือลอง ปลากะพง 5 รส (290 บาท) ชิมเนื้อปลาทอดแล้วผัดปรุงรสกับเครื่องเคียง มีเม็ดแปะก้วย แห้ว มะม่วงหิมพานต์ และพริกหวาน
มาลองเมนูสไตล์ฝรั่งบ้าง Sliced Tenderloin Salad with Balsamic Dressing (240 บาท) คือ สลัดเนื้อโคขุนสไลด์บัลซามิก จานนี้เอาใจคนรักเนื้อโดยเฉพาะค่ะ และ Salmon Fillet Steak with Salsa Sauce (320 บาท) เป็นสเต็กปลาแซลมอนราดซอสซัลซ่า

ก่อนจะตบท้ายมื้อนี้ด้วยค็อกเทล Aquatini Dream (200 บาท)แก้วสีฟ้าสดใส ด้วยส่วนผสมดีกรีเบาๆ ของวอดก้า กับ Navalai Twist (200 บาท) หวานซ่อนเปรี้ยวจากน้ำส้มและน้ำมะนาว เหมาะสำหรับสุภาพสตรีค่ะ
นอกจากนี้ยังมีบริการบุฟเฟ่ต์อาหารเช้า เปิดตั้งแต่เวลา 06.30 – 10.30 น. ในราคาท่านละ 250 บาท และสำหรับค่ำคืนวันที่ 12 พฤศจิกายนนี้ ทางร้านได้จัดงานฉลองวันลอยกระทง ชมการแสดงดนตรีไทย รำไทย สาธิตการทำกระทงใบตอง สามารถจองที่นั่งล่วงหน้า หรือสอบถามรายละเอียดเพิ่มจากทางร้านได้เลยนะคะ
ที่ตั้ง : นาวาลัย ริเวอร์ รีสอร์ท, 45/1-2 ถ.พระอาทิตย์ พระนคร กรุงเทพฯ
โทร : 0-2280-9955
เปิดบริการ : ทุกวัน 06.30 - 01.00 น.


2551/11/08

ลอยกระทง ร้านอาหารริมน้ำเจ้าพระยาที่ เดอะกู๊ดวิว

ร้านอาหารริมน้ำอันน่าสนใจ ที่เราขอเลือกนำมาเสนอและอยากชักชวนให้มิตรรักนักกินไปกันก็คือร้าน "เดอะกู๊ดวิว" ที่ตั้งอยู่ตรงสุดถนนตกติดริมแม่น้ำเจ้าพระยาอันงดงาม สำหรับร้านเดอะกู๊ดวิวนี้ หลายๆ คนเห็นชื่อแล้วอาจจะบอกว่าชื่อเหมือนร้านเดอะกู๊ดวิว ที่เชียงใหม่ตรงริมแม่น้ำปิงเลย ซึ่งอันที่จริงแล้วก็ต้องบอกว่าร้านเดอะกู๊ดวิวแห่งนี้ เป็นร้านสาขาต่อยอดที่ทางผู้บริหารเดอะกู๊ดวิวที่เชียงใหม่ ได้ยกเอาคอนเซ็ปของเดอะกู๊ดวิวที่เน้นด้านบรรยากาศร้านอันรื่นรมย์ และอาหารอันเลิศรสมาให้คนกรุงเทพฯ ได้สัมผัสกัน

มีทั้งไทย จีน ญี่ปุ่น และยุโรป รวมถึงยังมีมุมอาหารซีฟู้ดสดๆ ให้ได้เลือกสั่งแบบตามใจชอบ

ขันโตกกู๊ดวิว ( 220 บาท) เสิร์ฟมาในขันโตกเล็กๆ ประกอบไปด้วยเมนูขึ้นชื่อของทางเหนือเต็มอิ่มมีน้ำพริกหนุ่ม น้ำพริกอ่องที่ทางร้านทำเองรสชาติดีเผ็ดถึงเครื่องน้ำพริก กินกับเครื่องเคียงสารพัดทั้งไส้อั่ว แคบหมู หมูยอ แหนมสด และผักสดนึ่ง

ปลากะพงทอดสมุนไพร (320 บาท) เพื่อสุขภาพที่ดี เป็นปลากะพงตัวโตกำลังดีนำมาทอด แล้วมีน้ำยำสมุนไพรที่มีขิง ตะไคร้ หอมแดง พริกขี้หนู ราดมาบนตัวปลา และโรยหน้าด้วยเม็ดมะม่วงหิมพานต์ กุ้งแห้ง และใบสะระแหน่หอมๆ ลิ้มรสเนื้อปลาสดไม่คาวซึมรสชาติน้ำยำรสกลมกล่อม เคี้ยวมันปากกับสมุนไพรไทยๆ

ซีฟู้ดเผา (คิดราคาตามน้ำหนักของซีฟู้ดที่เลือก) ที่มีอาหารทะเลสลๆ หลายอย่างให้ได้เลือกสั่งมากินได้ตามใจชอบมากมาย ไม่ว่าจะเป็น ปูทะเลเนื้อแน่นหวาน กุ้งแม่น้ำตัวใหญ่ กุ้งแชบ๊วยตัวโต หอยแครง หอยแมลงภู่ หอยเชลล์ หอยตลับ หอยหวาน ที่ล้วนแล้วแต่เนื้อสดหวานได้ใจ จิ้มกินกับน้ำจิ้มซีฟู้ดรสจัดจ้านถูกปากโดนใจ

ซาซิมิรวม (380 บาท) จะได้เต็มอิ่มกับปลาดิบหลายอย่าง มีปลาแซลมอน ปลาอากามิ ปลาโอ ปลาหมึกยักษ์ และปูอัดที่มีความสดหวานชวนกินทั้งนั้น

ขาหมูทอด (300 บาท) ที่มาแบบขาโต เพราะทางร้านเลือกใช้ขาหมูขาหน้าที่มีน้ำหนัก 1 กิโลกว่า นำมาหมักด้วยเครื่องสมุนไพรจนเข้าเนื้อ แล้วนำมาต้มจนสุกพอประมาณ ก่อนจะนำไปทอดจนกรอบได้ที่ ชิมขาหมูหนังกรอบแต่เนื้อในนุ่ม กินเคียงกับมันบด ซาวเคราส์ และซอสที่มีถึง 3 แบบ คือ ซอสมะเขือเทศ น้ำจิ้มซีฟู้ด และตาต้าซอส

นอกจากนี้แล้วก็ยังมีเมนูจานเด็ดอื่นๆ ที่น่าลิ้มรสอีกมากมาย อาทิ ทอดมันกุ้งสาหร่ายญี่ปุ่น (140 บาท) กุ้งผัดไข่เค็ม (220 บาท) ปลากะพงทอดราดแกงเขียวหวาน (320 บาท) เปาะเปี๊ยะทอดมันปลากับแฮม (140 บาท) รวมถึงยังมีพวกเครื่องเย็นๆ ที่ชวนสั่งมาดื่มแกล้มไปกับอาหารและบรรยากาศด้วย อาทิ กู๊ดวิวคลาสสิค (180 บาท) สลุงค็อกเทล (180 บาท) บลูเบอร์รี่เบย์ (80 บาท)

"เดอะกู๊ดวิว" (The Good View, Bangkok) ตั้งอยู่ที่ 2525 ถ.เจริญกรุง แขวง/เขตบางคอแหลม กทม. การเดินทางถ้ามาจากแยกถนนตก ให้ขับตรงมาที่ถ.เจริญกรุงที่จะมุ่งหน้าไปท่าน้ำถนนตก ขับตรงมาจนถึงรพ.เจริญกรุงประชารักษ์ แล้วขับตรงมาอีกไม่ไกลก็จะเห็นป้ายร้านเดอะกู๊ดวิวให้เลี้ยวตามป้ายเข้ามา ก็จะเห็นร้านตั้งอยู่ด้านในติดกับริมน้ำเจ้าพระยา มีที่จอดรถกว้างขวาง ร้านเปิดทุกวัน เวลา 17.00-01.00 น. ถ้ามาทานอาหารแนะนำว่าควรโทร.มาจองโต๊ะก่อนจะดีที่เบอร์ 0-2689-1393

ในวันลอยกระทงที่ 12 พ.ย. นี้ ทางร้านจัดโปรโมชั่นพิเศษแจกกระทงฟรีให้โต๊ะละ 1 ใบ และมีท่าน้ำให้ลอยกระทงด้วย แล้ววันที่ 11-12 พ.ย. แจกเกี๊ยวกุ้งกระทงกรอบฟรีทุกโต๊ะ และยังจัดโต๊ะริมน้ำพิเศษให้สำหรับคู่รักจำนวน 10 โต๊ะ

ที่มา ผู้จัดการ


2551/11/07

ร้านอาหาร The Steak Houseสเต็กยอด ขาหมูเยี่ยม

ร้าน The Steak House Pub & Restaurant ร้านน้องใหม่ที่เพิ่งเปิดมาได้ไม่กี่เดือน แต่ฝีมือฉกาจฉกรรจ์ทีเดียว

มาร้านนี้ต้องสั่งพระเอกคือสเต็กที่มีให้เลือกหลากหลาย เช่น AUS WAGYU SIRLOIN ( 890 บาท) เนื้อ WAGYU เป็นเนื้อพันธุ์ผสม ระหว่างเนื้อพันธุ์ KOBE ของญี่ปุ่นและเนื้อพันธุ์ของ AUSTRALIA จึงมีไขมันแทรกอยู่มากในเนื้อเวลาย่างจะมีกลิ่นหอมของเนื้อ เวลาทานจะนุ่มลิ้นมาก

Australian T-Bone( 750 บาท) ใช้เนื้อสันในติดกระดูก เนื้อค่อนข้างนุ่มแต่ติดมันไม่มากนัก โดยเลือกจากวัวที่เลี้ยงด้วยธัญพืชซึ่งจะให้เนื้อที่มีความนุ่มเป็นพิเศษ หมักกับเครื่องเทศและน้ำมันมะกอกเพื่อเพิ่มความนุ่มหอมให้กับเนื้อเวลาย่าง กินกันมันฝรั่งหั่นเป็นชิ้น ๆ และแครอทกับกะหล่ำผัดเนยจนหอม

CRYSTAL LAMB BURGER (280 บาท ) เป็น LAMB จาก AUSTRALIA มาคลุกเคล้ากับเครื่องเทศต่าง ๆ เพื่อดับกลิ่นสาบของแกะ จากนั้นนำมาย่างบนเตาหินลาวา เพื่อให้เกิดกลิ่นหอม พร้อมเสิร์ฟกับโยเกริต์มายองเนส เพื่อเพิ่มรสชาติของเนื้อ BURGER ให้มีความเข้มข้นมากขึ้น

Pork Knuckle หรือขาหมูทอด ( 250 บาท ) เมนูนี้ห้ามพลาดเด็ดขาด ใครที่เคยไปกินขาหมูทอดของร้านชื่อดังในเชียงใหม่แล้ว ลองมาชิมร้านนี้เปรียบเทียบดูจะรู้สึกถึงเสน่ห์ของขาหมูของแท้ที่ต้องไม่ เปื่อยยุ่ยจนเกินไป คือเวลาเคี้ยวแล้วต้องให้ความรู้สึกเหนียวกรุบเล็กน้อยให้เหงือกและฟันทำ หน้าที่บดเคี้ยวบ้าง

ของหวานส่วนมากเป็นเบเกอรี่และเค้กที่นำมาจากครัวของLe Crystal Restaurant ที่อร่อยอีกจานหนึ่งคือ Chiang Mai Orange Cheese Cake เป็นชีสเค้กเนื้อนุ่มไม่หวานนักแต่งหน้าด้วยส้มแมนดารินผลผลิตจากดอยเชียงใหม่สีส้มสดรสอมเปรี้ยวอมหวานเข้ากันกับชีสเค้กมาก

เครื่องดื่มของที่ร้านนี้นอกจากไวน์จากชิลีให้เลือกกินกับสเต็กแล้ว ยังมีเบียร์สดชื่อดังสั่งตรงจากเบลเยี่ยมที่มีให้เลือก 3 รส 3 แบบคือ Hoegaarden แอลกอฮอล์ต่ำหอมกลิ่นฟรุดตตี้เหมาะสำหรับผู้หญิงโดยเฉพาะ , Stella Artois และ Leaae เบียร์ตัวนี้ดังมากที่อังกฤษและฝรั่งเศส มีกลิ่นหอมของเครื่องเทศ สนนราคาแก้วละ 240 บาท

ร้าน The Steak House เปิดให้บริการทุกวันตั้งแต่เวลา 11.00 – 00.30 น. อยากฟังเพลงต้องมาตอนหัวค่ำจะเป็นวงดนตรี 2 ชิ้นเล่นเพลงสบาย ๆ ไปจนถึง 2 ทุ่มจะเปลี่ยนเป็นวง Crystal Band ถ้าฝนฟ้าไม่ตกขอแนะนำให้นั่งด้านนอกจะได้เห็นบรรยากาศของถนนอัษฎาธรร่มรื่น 2 ฟากฝั่งมีทั้งร้านอาหารและร้านขายของแต่งบ้านดูครึกครื้นดี

The Steak House Pub & Restaurant
ประเภท สเต็กและอาหารยุโรป
ที่อยู่ 44 โครงการเจเจมาร์เก็ต ถนนอัษฎาธ อ.เมือง จ.เชียงใหม่
โทร.053-224-123