2551/11/16

เย็นตาโฟปักกิ่ง

"เย็นตาโฟปักกิ่ง" ที่เปิดขายมานานกว่า 40 ปีแล้ว มีคุณปิยะดา ศุภธีระนนท์ เป็นเจ้าของร้าน และเป็นผู้ปรุงเย็นตาโฟตามสูตรเด็ดที่สืบทอดต่อมาจากคุณพ่อ ซึ่งสูตรที่ว่านั้นเป็นสูตรมาจากปักกิ่งที่ไม่มีร้านไหนเหมือน และที่นี่ก็ขายแต่เย็นตาโฟอย่างเดียวเท่านั้น เรียกว่ามั่นใจในรสชาติเย็นตาโฟที่เด็ดจริง
เย็นตาโฟของที่นี่มีเส้นก๋วยเตี๋ยวให้เลือกหลายอย่าง มีเส้นหมี่ขาว เส้นเล็ก เส้นใหญ่ และบะหมี่เหลือง และในชามจะเต็มไปด้วยเครื่องหลายอย่างมีทั้งลูกชิ้นปลาที่ทางร้านทำเองโดย ใช้เนื้อปลาอินทรีย์ ฮือก๊วยที่ทำมาจากเนื้อปลาอินทรีย์เช่นกัน ลูกชิ้นแบนที่ปรุงรสและใส่เห็ดหอมมาด้วย มีปลาหมึกกรอบ เลือด เต้าหู้ เกี๊ยวทอด และที่ทำให้เย็นตาโฟของที่นี่ไม่เหมือนร้านไหน ก็คือ มีเผือกทอดกรอบที่ทางร้านทำเองใส่มาด้วย และผักบุ้งที่ใส่มาด้วยนั้นทางร้านก็เลือกใช้ผักบุ้งไทยก้านเขียวอวบ ที่ต้องสั่งมาจากแม่น้ำท่าจีนเท่านั้น เพราะว่ามีความกรอบเป็นพิเศษ

"เย็นตาโฟปักกิ่ง" ตั้งอยู่ที่ 25/47 ถ. บางขุนนนท์ แขวงบางขุนนนท์ เขตบางกอกน้อย กทม. การเดินทางถ้ามาจากแยกปิ่นเกล้า ให้วิ่งตรงมาทาง ถ.จรัญสนิทวงศ์ (ที่จะมุ่งหน้าไปท่าพระ) วิ่งตรงมาจนเจอแยกไฟแดง ก็ให้เลี้ยวขวาเข้า ถ.บางขุนนนท์ ตรงเข้ามาประมาณ 800 ม. จะเห็นร้านเย็นตาโฟปักกิ่งอยู่ซ้ายมือเป็นตึกแถว จุดสังเกตอยู่ตรงข้ามกับวัดศรีสุดาราม เปิดทุกวัน เวลา 08.00-15.00 น. โทร. 0-2424-9489

ที่มา ผู้จัดการออนไลน์

2551/11/14

ร้านอาหาร Aquatini Riverside Restaurant

ร้านบรรยากาศสบายๆ ภายใน Navalai River Resort บูติก โฮเต็ลแห่งใหม่บนถนนพระอาทิตย์ ซึ่งอยู่ติดกับท่าเทียบเรือท่าพระอาทิตย์พอดิบพอดี ภายในร้านตกแต่งแบบ Contemporary มีค็อกเทลบาร์สุดเก๋ พร้อมโซฟานั่งสบายไม่อึดอัด หรือตอนพระอาทิตย์เริ่มลับขอบฟ้า ก็ให้เราจับจองที่นั่งโซนเทอเรสริมน้ำ เพื่อสูดอากาศและลมเย็นๆ เพลินกับเสียงเพลงแจ็สและบอซซาโนว่า ทั้งยังได้ชมทัศนียภาพของโค้งน้ำเจ้าพระยาใต้แสงเทียน เห็นเรือน้อยใหญ่ที่แล่นผ่านไปมา สลับกับภาพบรรยากาศการสัญจรทางเรือไปมาของคนทั่วไปและนักท่องเที่ยวต่างชาติ
ไก่คั่วตะไคร้ (130 บาท) เนื้อไก่ชิ้นเล็กพอดีคำ คลุกเคล้ากับน้ำซอสรสเปรี้ยวหวาน หอมกลิ่นสมุนไพรไทยด้วยค่ะ หรือลอง ปลากะพง 5 รส (290 บาท) ชิมเนื้อปลาทอดแล้วผัดปรุงรสกับเครื่องเคียง มีเม็ดแปะก้วย แห้ว มะม่วงหิมพานต์ และพริกหวาน
มาลองเมนูสไตล์ฝรั่งบ้าง Sliced Tenderloin Salad with Balsamic Dressing (240 บาท) คือ สลัดเนื้อโคขุนสไลด์บัลซามิก จานนี้เอาใจคนรักเนื้อโดยเฉพาะค่ะ และ Salmon Fillet Steak with Salsa Sauce (320 บาท) เป็นสเต็กปลาแซลมอนราดซอสซัลซ่า

ก่อนจะตบท้ายมื้อนี้ด้วยค็อกเทล Aquatini Dream (200 บาท)แก้วสีฟ้าสดใส ด้วยส่วนผสมดีกรีเบาๆ ของวอดก้า กับ Navalai Twist (200 บาท) หวานซ่อนเปรี้ยวจากน้ำส้มและน้ำมะนาว เหมาะสำหรับสุภาพสตรีค่ะ
นอกจากนี้ยังมีบริการบุฟเฟ่ต์อาหารเช้า เปิดตั้งแต่เวลา 06.30 – 10.30 น. ในราคาท่านละ 250 บาท และสำหรับค่ำคืนวันที่ 12 พฤศจิกายนนี้ ทางร้านได้จัดงานฉลองวันลอยกระทง ชมการแสดงดนตรีไทย รำไทย สาธิตการทำกระทงใบตอง สามารถจองที่นั่งล่วงหน้า หรือสอบถามรายละเอียดเพิ่มจากทางร้านได้เลยนะคะ
ที่ตั้ง : นาวาลัย ริเวอร์ รีสอร์ท, 45/1-2 ถ.พระอาทิตย์ พระนคร กรุงเทพฯ
โทร : 0-2280-9955
เปิดบริการ : ทุกวัน 06.30 - 01.00 น.


2551/11/08

ลอยกระทง ร้านอาหารริมน้ำเจ้าพระยาที่ เดอะกู๊ดวิว

ร้านอาหารริมน้ำอันน่าสนใจ ที่เราขอเลือกนำมาเสนอและอยากชักชวนให้มิตรรักนักกินไปกันก็คือร้าน "เดอะกู๊ดวิว" ที่ตั้งอยู่ตรงสุดถนนตกติดริมแม่น้ำเจ้าพระยาอันงดงาม สำหรับร้านเดอะกู๊ดวิวนี้ หลายๆ คนเห็นชื่อแล้วอาจจะบอกว่าชื่อเหมือนร้านเดอะกู๊ดวิว ที่เชียงใหม่ตรงริมแม่น้ำปิงเลย ซึ่งอันที่จริงแล้วก็ต้องบอกว่าร้านเดอะกู๊ดวิวแห่งนี้ เป็นร้านสาขาต่อยอดที่ทางผู้บริหารเดอะกู๊ดวิวที่เชียงใหม่ ได้ยกเอาคอนเซ็ปของเดอะกู๊ดวิวที่เน้นด้านบรรยากาศร้านอันรื่นรมย์ และอาหารอันเลิศรสมาให้คนกรุงเทพฯ ได้สัมผัสกัน

มีทั้งไทย จีน ญี่ปุ่น และยุโรป รวมถึงยังมีมุมอาหารซีฟู้ดสดๆ ให้ได้เลือกสั่งแบบตามใจชอบ

ขันโตกกู๊ดวิว ( 220 บาท) เสิร์ฟมาในขันโตกเล็กๆ ประกอบไปด้วยเมนูขึ้นชื่อของทางเหนือเต็มอิ่มมีน้ำพริกหนุ่ม น้ำพริกอ่องที่ทางร้านทำเองรสชาติดีเผ็ดถึงเครื่องน้ำพริก กินกับเครื่องเคียงสารพัดทั้งไส้อั่ว แคบหมู หมูยอ แหนมสด และผักสดนึ่ง

ปลากะพงทอดสมุนไพร (320 บาท) เพื่อสุขภาพที่ดี เป็นปลากะพงตัวโตกำลังดีนำมาทอด แล้วมีน้ำยำสมุนไพรที่มีขิง ตะไคร้ หอมแดง พริกขี้หนู ราดมาบนตัวปลา และโรยหน้าด้วยเม็ดมะม่วงหิมพานต์ กุ้งแห้ง และใบสะระแหน่หอมๆ ลิ้มรสเนื้อปลาสดไม่คาวซึมรสชาติน้ำยำรสกลมกล่อม เคี้ยวมันปากกับสมุนไพรไทยๆ

ซีฟู้ดเผา (คิดราคาตามน้ำหนักของซีฟู้ดที่เลือก) ที่มีอาหารทะเลสลๆ หลายอย่างให้ได้เลือกสั่งมากินได้ตามใจชอบมากมาย ไม่ว่าจะเป็น ปูทะเลเนื้อแน่นหวาน กุ้งแม่น้ำตัวใหญ่ กุ้งแชบ๊วยตัวโต หอยแครง หอยแมลงภู่ หอยเชลล์ หอยตลับ หอยหวาน ที่ล้วนแล้วแต่เนื้อสดหวานได้ใจ จิ้มกินกับน้ำจิ้มซีฟู้ดรสจัดจ้านถูกปากโดนใจ

ซาซิมิรวม (380 บาท) จะได้เต็มอิ่มกับปลาดิบหลายอย่าง มีปลาแซลมอน ปลาอากามิ ปลาโอ ปลาหมึกยักษ์ และปูอัดที่มีความสดหวานชวนกินทั้งนั้น

ขาหมูทอด (300 บาท) ที่มาแบบขาโต เพราะทางร้านเลือกใช้ขาหมูขาหน้าที่มีน้ำหนัก 1 กิโลกว่า นำมาหมักด้วยเครื่องสมุนไพรจนเข้าเนื้อ แล้วนำมาต้มจนสุกพอประมาณ ก่อนจะนำไปทอดจนกรอบได้ที่ ชิมขาหมูหนังกรอบแต่เนื้อในนุ่ม กินเคียงกับมันบด ซาวเคราส์ และซอสที่มีถึง 3 แบบ คือ ซอสมะเขือเทศ น้ำจิ้มซีฟู้ด และตาต้าซอส

นอกจากนี้แล้วก็ยังมีเมนูจานเด็ดอื่นๆ ที่น่าลิ้มรสอีกมากมาย อาทิ ทอดมันกุ้งสาหร่ายญี่ปุ่น (140 บาท) กุ้งผัดไข่เค็ม (220 บาท) ปลากะพงทอดราดแกงเขียวหวาน (320 บาท) เปาะเปี๊ยะทอดมันปลากับแฮม (140 บาท) รวมถึงยังมีพวกเครื่องเย็นๆ ที่ชวนสั่งมาดื่มแกล้มไปกับอาหารและบรรยากาศด้วย อาทิ กู๊ดวิวคลาสสิค (180 บาท) สลุงค็อกเทล (180 บาท) บลูเบอร์รี่เบย์ (80 บาท)

"เดอะกู๊ดวิว" (The Good View, Bangkok) ตั้งอยู่ที่ 2525 ถ.เจริญกรุง แขวง/เขตบางคอแหลม กทม. การเดินทางถ้ามาจากแยกถนนตก ให้ขับตรงมาที่ถ.เจริญกรุงที่จะมุ่งหน้าไปท่าน้ำถนนตก ขับตรงมาจนถึงรพ.เจริญกรุงประชารักษ์ แล้วขับตรงมาอีกไม่ไกลก็จะเห็นป้ายร้านเดอะกู๊ดวิวให้เลี้ยวตามป้ายเข้ามา ก็จะเห็นร้านตั้งอยู่ด้านในติดกับริมน้ำเจ้าพระยา มีที่จอดรถกว้างขวาง ร้านเปิดทุกวัน เวลา 17.00-01.00 น. ถ้ามาทานอาหารแนะนำว่าควรโทร.มาจองโต๊ะก่อนจะดีที่เบอร์ 0-2689-1393

ในวันลอยกระทงที่ 12 พ.ย. นี้ ทางร้านจัดโปรโมชั่นพิเศษแจกกระทงฟรีให้โต๊ะละ 1 ใบ และมีท่าน้ำให้ลอยกระทงด้วย แล้ววันที่ 11-12 พ.ย. แจกเกี๊ยวกุ้งกระทงกรอบฟรีทุกโต๊ะ และยังจัดโต๊ะริมน้ำพิเศษให้สำหรับคู่รักจำนวน 10 โต๊ะ

ที่มา ผู้จัดการ


2551/11/07

ร้านอาหาร The Steak Houseสเต็กยอด ขาหมูเยี่ยม

ร้าน The Steak House Pub & Restaurant ร้านน้องใหม่ที่เพิ่งเปิดมาได้ไม่กี่เดือน แต่ฝีมือฉกาจฉกรรจ์ทีเดียว

มาร้านนี้ต้องสั่งพระเอกคือสเต็กที่มีให้เลือกหลากหลาย เช่น AUS WAGYU SIRLOIN ( 890 บาท) เนื้อ WAGYU เป็นเนื้อพันธุ์ผสม ระหว่างเนื้อพันธุ์ KOBE ของญี่ปุ่นและเนื้อพันธุ์ของ AUSTRALIA จึงมีไขมันแทรกอยู่มากในเนื้อเวลาย่างจะมีกลิ่นหอมของเนื้อ เวลาทานจะนุ่มลิ้นมาก

Australian T-Bone( 750 บาท) ใช้เนื้อสันในติดกระดูก เนื้อค่อนข้างนุ่มแต่ติดมันไม่มากนัก โดยเลือกจากวัวที่เลี้ยงด้วยธัญพืชซึ่งจะให้เนื้อที่มีความนุ่มเป็นพิเศษ หมักกับเครื่องเทศและน้ำมันมะกอกเพื่อเพิ่มความนุ่มหอมให้กับเนื้อเวลาย่าง กินกันมันฝรั่งหั่นเป็นชิ้น ๆ และแครอทกับกะหล่ำผัดเนยจนหอม

CRYSTAL LAMB BURGER (280 บาท ) เป็น LAMB จาก AUSTRALIA มาคลุกเคล้ากับเครื่องเทศต่าง ๆ เพื่อดับกลิ่นสาบของแกะ จากนั้นนำมาย่างบนเตาหินลาวา เพื่อให้เกิดกลิ่นหอม พร้อมเสิร์ฟกับโยเกริต์มายองเนส เพื่อเพิ่มรสชาติของเนื้อ BURGER ให้มีความเข้มข้นมากขึ้น

Pork Knuckle หรือขาหมูทอด ( 250 บาท ) เมนูนี้ห้ามพลาดเด็ดขาด ใครที่เคยไปกินขาหมูทอดของร้านชื่อดังในเชียงใหม่แล้ว ลองมาชิมร้านนี้เปรียบเทียบดูจะรู้สึกถึงเสน่ห์ของขาหมูของแท้ที่ต้องไม่ เปื่อยยุ่ยจนเกินไป คือเวลาเคี้ยวแล้วต้องให้ความรู้สึกเหนียวกรุบเล็กน้อยให้เหงือกและฟันทำ หน้าที่บดเคี้ยวบ้าง

ของหวานส่วนมากเป็นเบเกอรี่และเค้กที่นำมาจากครัวของLe Crystal Restaurant ที่อร่อยอีกจานหนึ่งคือ Chiang Mai Orange Cheese Cake เป็นชีสเค้กเนื้อนุ่มไม่หวานนักแต่งหน้าด้วยส้มแมนดารินผลผลิตจากดอยเชียงใหม่สีส้มสดรสอมเปรี้ยวอมหวานเข้ากันกับชีสเค้กมาก

เครื่องดื่มของที่ร้านนี้นอกจากไวน์จากชิลีให้เลือกกินกับสเต็กแล้ว ยังมีเบียร์สดชื่อดังสั่งตรงจากเบลเยี่ยมที่มีให้เลือก 3 รส 3 แบบคือ Hoegaarden แอลกอฮอล์ต่ำหอมกลิ่นฟรุดตตี้เหมาะสำหรับผู้หญิงโดยเฉพาะ , Stella Artois และ Leaae เบียร์ตัวนี้ดังมากที่อังกฤษและฝรั่งเศส มีกลิ่นหอมของเครื่องเทศ สนนราคาแก้วละ 240 บาท

ร้าน The Steak House เปิดให้บริการทุกวันตั้งแต่เวลา 11.00 – 00.30 น. อยากฟังเพลงต้องมาตอนหัวค่ำจะเป็นวงดนตรี 2 ชิ้นเล่นเพลงสบาย ๆ ไปจนถึง 2 ทุ่มจะเปลี่ยนเป็นวง Crystal Band ถ้าฝนฟ้าไม่ตกขอแนะนำให้นั่งด้านนอกจะได้เห็นบรรยากาศของถนนอัษฎาธรร่มรื่น 2 ฟากฝั่งมีทั้งร้านอาหารและร้านขายของแต่งบ้านดูครึกครื้นดี

The Steak House Pub & Restaurant
ประเภท สเต็กและอาหารยุโรป
ที่อยู่ 44 โครงการเจเจมาร์เก็ต ถนนอัษฎาธ อ.เมือง จ.เชียงใหม่
โทร.053-224-123

ร้านอาหาร บ้านแก้ว เฮือนคำ

ร้านบ้านแก้ว เฮือนคำ เพิ่งจะเปิดมาไม่ครบปีเลย แต่ฝีมือการทำอาหารนั้นไม่ใช่มือใหม่ เพราะเป็นร้านที่แตกสาขามาจากร้าน “เอื้องผึ้ง จันทน์ผา”อัน เป็นร้านPub and Restaurant ชื่อดัง แต่เจ้าของร้านซึ่งเป็นคนเชียงใหม่และมีความภาคภูมิใจในวัฒนธรรมพื้นบ้านของ ตนเองเป็นอย่างยิ่ง จึงตั้งใจอยากจะเปิดร้านใหม่ เพื่อใช้เป็นเสมือนเรือนรับรองของคนเชียงใหม่ เพื่อต้อนรับแขกบ้านแขกเมืองที่มาเยือนเพื่อให้ได้สัมผัสกับกลิ่นอายของล้าน นาดั้งเดิมซึ่งนับวันจะหาได้ยากยิ่งในเมืองที่กำลังถูกความเจริญเข้าแทรกซึม

ลาบหมู ( 75 บาท )
บ้านไม้หลังใหญ่ริมถนน เลียบคันคลองชลประทานหลังนี้ สร้างด้วยสถาปัตยกรรมล้านนาประยุกต์ เป็นบ้านสองชั้น ๆ ล่างยกพื้นสูง คนเชียงใหม่เรียกบ้านแบบนี้ว่า “หร่องข้าว” หรือ “ยุ้งฉาง” สำหรับเก็บข้าวนั่นเอง ส่วนการตกแต่งภายในก็ให้ความรู้สึกสบาย ๆ เหมือนนั่นกินอาหารอยู่ในบ้านเก่า ๆ ที่แวดล้อมด้วยต้นไม้เขียวชอุ่ม

อาหารของร้านนี้มีทั้งอาหารพื้นเมืองของเชียงใหม่ไว้ต้อนรับคนต่าง ถิ่นที่ต้องการลิ้มลองความแปลกใหม่ รวมทั้งอาหารทั่ว ๆ ไปที่หากินได้ทุกแห่งสำหรับคนที่ไม่คุ้นกับอาหารพื้นเมือง

แกงฮังเล ( 75 บาท )
แม่ครัวของที่ร้านเล่า ว่าอาหารล้านนาเน้นผักพื้นบ้านที่ปลูกตามริมรั้วแต่ให้คุณค่าเป็นสมุนไพร รักษาโรคได้หลายชนิด สังเกตในเมนูด้านล่างจะมีการให้ความรู้เกี่ยวกับสมุนไพรแต่ละอย่างให้กับ ลูกค้าด้วย

แกงแคไก่ ( 75 บาท ) แกงถ้วยนี้เป็นแกงที่ใช้สารพัดผักมาต้มเช่น หน่อไม้ มะเขือ ถั่วฝักขาว บวบ แต่งกลิ่นด้วยตะไคร้ ใบมะกูด ข่า ใบโหระพา ส่วนเนื้อสัตว์จะใส่ไก่ หมู หรือกบก็ได้ตามแต่ชอบ ซดร้อน ๆ หอมชื่นใจดีจัง

ปลาช่อนไร้ก้าง (175บาท) เดิมร้านเอื้องผึ้ง จันทน์ผา เป็นคนคิดเมนูนี้ขึ้นมาก่อน และขายดิบขายดีจนมีร้านอื่น ๆ นำไปทำบ้าง แต่ถ้ารสดั้งเดิมOriginal แล้วต้องมากินทั้ง 2 ร้านนี้เท่านั้น วิธีการทำก็ยุ่งยากทีเดียวกว่าจะอร่อย คือนำปลาช่อนนึ่งให้สุก แล้วถลกหนังแกะเนื้อและก้างออก นำเฉพาเนื้อยี่ให้ฟูแล้วปรุงกับหมูสับ รากผักชี กระเทียม พริกไทย ปรุงรสก่อนที่จะนำกลับเข้าไปในตัวปลา ปิดทับด้วยหนังปลาที่ถลกออกมาตอนแรก จากนั้นจึงนำไปทอดให้กรอบนอกนุ่มใน เวลาเสิร์ฟให้หั่นเฉียง ๆ จะเห็นเนื้อปลาปรุงรสขาวหอมน่ากินมาก กินเปล่า ๆ ก็อร่อยแล้ว หรือใครชอบรสจัดหน่อยก็จิ้มน้ำจิ้ม 3 รสได้
บ้านแก้ว เฮือนคำ
ประเภท อาหารเหนือ / อาหารภาคกลาง
สถานที่ 96/8 หมู่ 10 ถ.เลียบคันตลองชลประทาน ต.สุเทพ อ.เมือง จ.เชียงใหม่
โทร. 053-811-616

ที่มา ผู้จัดการออนไลน์


ร้านอาหาร แหลมเจริญซีฟู้ด...ยกทะเลมาไว้บนห้างเซ็นทรัลเวิลด์แล้ว

บริเวณที่ตั้งของร้านนั้นด้านหน้าเป็นทะเล หลังร้านเป็นคลอง ตรงที่ทะเลและคลองมาบรรจบกันชาวบ้านเรียกว่า “แหลมเจริญ” ร้านแหลมเจริญถือกำเนิดครั้งแรกเมื่อปี 2522 ตอนนั้นยังเป็นร้านเล็ก ๆ โดยคุณนฤมล วงศ์วีรธร ทำครัวเอง และคุณอาทรผู้ สามีจะถีบรถจักรยานไปจ่ายตลาดทุกเช้า อาศัยรสมือที่อร่อยประกอบกับเลือกอาหารทะเลสด ๆ จึงทำให้ร้านนี้มีลูกค้าทั้งคนพื้นที่และคนกรุงเทพฯที่มาท่องเที่ยวระยองจะ ต้องแวะมากินประจำ


ส่วนเมนูนั้นล้วนแต่เลือกสรรจานเด็ดของที่ร้านต้นตำรับที่ระยองมานำเสนอกว่า 100 เมนู โดยจานที่ทุกคนต้องถามหาคือ ปลากะพงทอดน้ำปลา ( 370 บาท) ซึ่งที่ร้านนี้เขาบอกว่าเป็นเจ้าแรกเลยที่คิดเมนูนี้ขึ้นมา จนตอนหลังขายดีแล้วจึงมีร้านอื่น ๆ นำไปเลียนแบบกันจนระบาดไปทั่ว ความอร่อยอยู่ที่คัดปลาเป็นขนาด 7 – 9 ขีด เรียกได้ว่าตัวโตได้เนื้อเต็ม ๆ คำทีเดียว เวลาทอดจะผ่ากลางตามนอนแบะออก ทอดในน้ำมันร้อนปานกลางให้ข้างนอกกรอบเหลืองเป็นสีทอง ส่วนข้างในเนื้อยังนุ่มหวานด้วยความสดของปลา น้ำปลาที่ใช้ราดนั้นต้องใช้หัวน้ำปลายี่ห้อพรพิมลที่ใช้มาตั้งแต่เริ่มต้นจน ถึงวันนี้รสชาติจึงไม่เปลี่ยนแปลง ให้กลิ่นหอมของน้ำปลาแท้ ๆ ที่ไม่ใช่ดีแต่เค็มอย่างเดียว

ยำปลาข้าวสาร ( 120บาท) ที่ระยองเป็นแหล่งที่มีปลาข้าวสารชุมมาก เป็นปลาตัวเล็ก ๆ ใหญ่กว่าเส้นด้ายหน่อยเดียวแต่ให้แคลเซี่ยมสูงมาก นำมาทอดกรอบกินเปล่า ๆ ก็ให้รสเค็ม ๆ มัน ๆ พอนำน้ำยำ 3 รสราดลงไปเติมผักและเม็ดมะม่วงหิมพานต์ ตักเข้าปากเคี้ยวเพลินดี เป็นอาหารเรียกน้ำย่อยได้เป็นอย่างดี

อาหารปูมีให้เลือกเป็นปูม้าเป็น ๆ กิโลกรัมละ 490 บาท หรือปูไข่เนื้อหวานมันกิโลกรัมละเป็นพัน เรื่องปูนั้นถ้าไม่สดแล้วเวลากินจะรู้ได้ทันทีว่าไม่หวานและเนื้อไม่แน่น เมนูปูมีหลายอย่างให้เลือก ที่ฮิตกันคือปูนึ่งซึ่งจะแกะเป็นเนื้อ ๆ ให้ตักเข้าปากได้สบายๆ และเลาะออกเป็นส่วน ๆ ติดกับขาปู แต่ชอบแบบหลังมากกว่าเพราะให้ความรู้สึกเหมือนกินปูจริง ๆ นอกจากนี้ปูยังนำไปผัดผงกะหรี่ ปูผัดพริกเผา แกงคั่วปูไข่หน่อไม้ดอง ปูผัดพริกไทยดำ เป็นต้น

ห่อหมกปลาอินทรีย์ เป็นอีกเมนูที่ขายดีมาก ถ้าอยากจะกินต้องมาก่อนเที่ยงเพราะจะทำเพียงวันละรอบเท่านั้น หมดแล้วหมดเลย จะใช้ปลาอินทรีย์สด ๆ มาขูดเนื้อแล้วกวนเข้ากับพริกแกงและกะทิจนเหนียวแล้วจึงวางผักกะหล่ำ หรือใบโหระพาในกระทงใบตอง ตักห่อหมกลงกะประมาณเกือบเต็ม นำไปนึ่งไฟแรง ๆ พอเนื้อปลาโดนไฟจะสุกฟูจนล้นกระทง หอมหวานน่ากินมาก
ร้านแหลมเจริญซีฟู้ด
ประเภท อาหารซีฟู้ด อาทิ ปลากะพงทอดน้ำปลา ยำปลาข้าวสาร ห่อหมกปลาอินทรีย์
ที่อยู่ สาขาเซ็นทรัลเวิลด์ อยู่ชั้น3 โซน บีคอน เปิดให้บริการตั้งแต่11.00 – 22.00 น. โทร 02-646-1040
ที่มา ผู้จัดการออนไลน์




2551/11/03

ร้าน ล้านยำ ตำแซ่บ

"ล้านยำ ตำแซ่บ" ร้านนี้มีจุดเด่นที่น่าสนใจตั้งแต่ก่อนเดินเข้ามาในร้านด้านใน ก็จะเจอกับหุ่นที่ยืนอยู่หน้าร้านท่าทางดูเหมือนคนกำลังยืนจ้องเข้ามาในร้าน ซึ่งทางร้านตั้งชื่อว่าบักจอห์นนี่นำมาตั้งไว้เพื่อเป็นจุดดึงดูดลูกค้า แต่ถ้าดูดีๆ ก็จะเห็นว่าเสื้อที่หุ่นใส่อยู่นั้นมีเมนูอาหารที่ขายอยู่ที่ร้านนี้แสดงไว้

ครั้นพอเดินเข้ามาในร้านก็จะได้พบกับบรรยากาศร้านอันดูเก๋ไก๋ตกแต่ง อย่างมีสไตล์ ทางร้านจัดแบ่งพื้นที่ให้เลือกนั่งหลายโซนตามชอบใจ มีโซนโต๊ะนั่งสบายๆ ริมกำแพงที่เพ้นท์เป็นรูปการ์ตูนน่ารักๆ มีโซนโต๊ะนั่งกลางร้านสีส้มขาวดูสดใสและตกแต่งด้วยโคมไฟไม้สาน และอีกโซนทำเป็นที่นั่งเอกเขนกมีหมอนนุ่มๆ ให้พิงหลังแบบสบายๆ และที่ฝาผนังก็มีคำคมภาษาอังกฤษที่มีความหมายดีๆ ให้อ่านแบบเพลินๆ
เราเริ่มประเดิมมื้อด้วยเมนูยอดฮิตอย่าง ส้มตำไทยไข่เค็ม (49 บาท) ทางร้านเลือกใช้มะละกอแขกดำจากราชบุรี นำมาสับและตำแบบครบเครื่องส้มตำไทย ใส่มะนาวสด ถั่วลิสงที่คั่วเอง กุ้งแห้งตัวโตจากระยอง ใส่ไข่เค็มลงไปตำคลุกเคล้าให้เข้ากัน และมีไข่เค็มครึ่งซีกมาให้กินแนมด้วย ชิมส้มตำไทยไข่เค็ม มะละกอเคี้ยวกรอบได้รสชาติเปรี้ยว หวาน เผ็ด เค็ม มันจากไข่เค็ม

พอส้มตำหมดจาน หมูทอดแดดเดียว (69 บาท) หอมๆ ร้อนๆ ก็ถูกเสิร์ฟมาติดๆ เป็นหมูแดดเดียวที่ทางร้านเลือกใช้หมูส่วนสันในมาหั่นเป็นเส้นๆ คลุกกับสูตรหมักหมูและโรยด้วยงาขาว ตากแดดจนได้ที่แล้วจึงนำมาทอดแบบแห้งๆ กินแล้วเคี้ยวหมูนุ่มปากออกรสชาติเครื่องหมักหมูหวานๆ หรือจะเพิ่มรสชาติเผ็ดด้วยซอสพริกก็ทำเอาส่งเข้าปากกินเพลินจนหมดจานไม่รู้ ตัว
จึงต้องสั่ง ไก่ทอดสมุนไพร (69 บาท) มากินเป็นเมนูต่อมา ไก่ทอดจานนี้เป็นปีกไก่ที่หมักด้วยเครื่องหมักสูตรเฉพาะของทางร้าน แล้วทอดจนเหลืองกรอบ และมีสมุนไพรอย่างตะไคร้ ใบมะกรูดที่นำไปปั่นจนละเอียดทอดให้เหลืองกรอบพร้อมกับปรุงรสชาติแล้วใส่มา ด้วย ลิ้มรสไก่ทอดกรอบนอกเนื้อในนุ่ม กินกับสมุนไพรทอดกรอบหอมๆ เข้ากันได้อย่างลงตัว
เห็นว่ากินเมนูแห้งๆ มาหลายจาน เราก็ขอสั่ง ต้มแซ่บกระดูกอ่อนหมู (89 บาท) มาซดน้ำให้คล่องคอกันบ้าง ต้มแซ่บถ้วยนี้น้ำซุปเข้มข้นเปรี้ยวนิด เผ็ดหน่อยกำลังดี และมีกระดูกอ่อนหมูที่ต้มจนเนื้อเปื่อยเคี้ยวนุ่ม กระดูกอ่อนเคี้ยวกรึบ
พอเริ่มลื่นคอก็ต่อด้วยเมนู ลาบไข่เจียว (59 บาท) ที่แปลกดีไม่เหมือนร้านไหน ทางร้านนำเอาลาบหมูไปชุบไข่แล้วทอดให้กรอบเหลือง ชิมแล้วก็ถูกลิ้นดีได้รสชาติลาบแบบแห้งๆ เคี้ยวกรุบกรอบปาก
สุดท้ายเราขอปิดมื้ออิ่มที่เมนูนี้ ปลาช่อนน้ำตก (119 บาท) เป็นปลาช่อนตัวโตทอดกรอบ แล้วก็ราดด้วยน้ำยำลาบสูตรเด็ดของทางร้าน ลิ้มรสชาติปลาช่อนเนื้อกรอบนุ่มชุ่มน้ำลาบที่ออกรสชาติจัดจ้านกลมกล่อมโดนใจ

และนี่ก็คือเหล่าเมนูอาหารไทย-อีสานจานเด็ดที่ "ผู้จัดการตระเวนกิน" ได้เลือกสั่งมาลองลิ้มด้วยโดนใจปาก แต่ก็ขอบอกว่าเรายังแอบชำเลืองมองดูในเมนูอาหารก็เห็นว่ายังมีอีกหลายรายการที่ชวนกิน อาทิ ลาบทอด (59 บาท) ตำเบรคแตก (39 บาท) ตำผลไม้รวม (49 บาท) ลาบวุ้นเส้น (49 บาท) ยำถั่วพู (79 บาท) ฯลฯ แต่เห็นทีต้องขอติดท้องเอาไว้คราวหน้าค่อยกลับมาเปิปกันอีกที่ "ล้านยำ ตำแซ่บ" ก็แล้วกัน

"ล้านยำ ตำแซ่บ" ตั้งอยู่ที่หน้า Tops RCA ร้านเปิดจันทร์-ศุกร์ 11.00-22.00 น. เสาร์-อาทิตย์ 12.00-22.00 น. ทางร้านมีบริการส่งถึงบ้านด้วย โทร.สอบถามได้ที่เบอร์ 08-5550-9009

ที่มา ผู้จัดการออนไลน์